

CP CROP

Heart Living Right
ธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ จึงได้ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด การเติบโตขององค์กรในมุมมองเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่องในระยะยาว มีกระบวนการวางแผน และกำหนดเป้าหมายที่ต้องการจะบรรลุที่ชัดเจน ตลอดจนมีกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพและรองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพื่อพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ที่นำไปสู่ความยั่งยืน ได้รับการยอมรับจากลูกค้า ปลูกฝังอยู่ในกิจกรรมของคนในองค์กรสื่อไปถึงตราสินค้าและผลิตภัณฑ์ขององค์กร
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 12 การบริโภค และการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ
SDG 16 ความสงบสุข ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง
16.5 ลดการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่และการรับสินบนทุกรูปแบบ
16.7 สร้างหลักประกันว่าจะมีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุม มีส่วนร่วม และมีความเป็นตัวแทนที่ดี ในทุกระดับการตัดสินใจ
16.B ส่งเสริมและบังคับใช้กฎหมายและนโยบายที่ไม่เลือกปฏิบัติเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
มุมมองของเรา
ธุรกิจพืชครบวงจรมีความเชื่อมั่นว่า การกำกับดูแลกิจการที่ดี เป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินงานธุรกิจและยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนนำองค์กรไปสู่ความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่คู่ค้าและผู้มีส่วนได้เสียในระยะยาว การกำกับดูแลกิจการที่ดีนั้น แสดงให้เห็นถึงการมีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพโปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่า ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและความร่วมมือจากพนักงานทุกระดับ โดยมีคณะกรรมการ และผู้บริหารระดับสูงให้การส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้การกำกับดูแลกิจการเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
ความท้าทายขององค์กร คือ การสร้างความเข้าใจและสื่อสารให้พนักงานให้ครบ 100% ให้เห็นความสำคัญในการกำกับกิจการดูแลกิจการที่ดี นำไปสู่การสร้างให้เกิดเป็นวัฒนธรรมการประกอบธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และการปฏิบัติอยู่บนบรรทัดฐานเดียวกัน
เป้าหมายสู่ปี 2573
100% ธุรกิจพืชครบวงจรได้รับการประเมินผลที่ได้รับการยอมรับ ของการดำเนินงานด้านการกำกับดูแลกิจการ (Ethisphere)
จรรยาบรรณธุรกิจ
ธุรกิจพืชครบวงจรมุ่งสร้างความตระหนักรู้ และปลูกจิตสำนึกการทำงานอย่างรับผิดชอบ ตามมาตรฐานการประพฤติปฏิบัติดี ตลอดจนความโปร่งใสตรวจสอบได้ ให้กับกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับ โดยได้ทำการบรรจุหลักสูตรด้านจรรยาบรรณธุรกิจในการปฐมนิเทศพนักงานใหม่ ควบคู่ไปกับการจัดอบรมทบทวนความรู้เรื่องจรรยาบรรณธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจัดให้มีการทดสอบความรู้ด้านจริยธรรม และการปฏิบัติเป็นประจำทุกปี
นอกจากนี้ ยังจัดทำจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ และส่งเสริมให้คู่ค้าธุรกิจตระหนักถึงความสำคัญและปฏิบัติตาม เพื่อให้การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
การกำกับดูแลกิจการ
แนวทางการบริหารจัดการ
ธุรกิจพืชครบวงจร มีความเชื่อมั่นว่าการกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการปฏิบัติตามข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (Governance, Risk and Compliance Management – GRC) เป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริหารและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยมีการจัดโครงสร้างการกำกับดูแลองค์กร การสื่อสารนโยบายสู่การปฏิบัติ การติดตามรายงานผลการดำเนินงาน และประเด็นความเสี่ยงที่มีประสิทธิผล มีการเชื่อมโยงข้อมูลของทั้งองค์กรอย่างเป็นระบบ โดยผู้บริหารและคณะกรรมการเป็นผู้ขับเคลื่อนที่สำคัญที่ทำให้เกิดการกำกับองค์กรที่ดี และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พนักงาน ซึ่งแนวทางการปฏิบัติจะสอดคล้องกับค่านิยมองค์กรในเรื่องคุณธรรมและความซื่อสัตย์ ทางองค์กรของเราจึงได้มีการประกาศใช้นโยบายและแนวปฏิบัติเพื่อสร้างความตระหนักให้แก่ทุกคนในองค์กรยึดถือเป็นแนวปฏิบัติเดียวกันเพื่อให้เกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กร
โดยมีนโยบายดังนี้
1.นโยบายการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์
2.นโยบายการบริหารความเสี่ยง
3.นโยบายด้านสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงาน
4.นโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
5.นโยบายบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ
โครงสร้างการบริหารการกำกับดูแลกิจการสู่ธุรกิจพืชครบวงจร
การบริหารความเสี่ยง (RISK MANAGEMENT)
ประเด็นด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน / การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย
1.การกำกับดูแลและวัฒนธรรมองค์กร
2.กลยุทธ์และกำหนดวัตถุประสงค์
3.การจัดการความเสี่ยง
4.การทบทวนและปรับปรุง
5.ข้อมูลการสื่อสารและการรายงาน
ธุรกิจพืชครบวงจร มีการกำกับด้านบริหารความเสี่ยง และการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ผ่านคณะกรรมการระบบบริหารธรรมาภิบาล ความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (GRC) ที่มีการทบทวน และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรายงานผลต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงของเครือฯ มีกรอบบริหารความเสี่ยง (Risk Management Framework) ใช้เป็นมาตรฐานร่วมกันภายใน สอดคล้องกับหลักบริหารที่ยอมรับในระดับสากล (COSO – Enterprise Risk Management 2017) ตลอดจนมุ่งมั่นในการจัดการความเสี่ยง โดยทำแผนรับมือความเสี่ยงที่จะนำไปสู่เหตุการณ์ในภาวะวิกฤต ทั้งนี้ระบบดังกล่าวได้สื่อสารสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้บริหาร หน่วยงานที่รับผิดชอบความเสี่ยง (Risk Owners) โดยได้มีการรวบรวมประเด็นความเสี่ยง, จัดทำมาตรการลดและควบคุมความเสี่ยง, ติดตามผลการบริหารความเสี่ยง พร้อมทั้งมีการทบทวนความเสี่ยงปีละ 1 ครั้ง สื่อสารและฝึกอบรมเพื่อสร้างวัฒนธรรมในการบริหารความเสี่ยงองค์กรให้กับผู้บริหารและพนักงานอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ได้วางแผนเชิงรุกสำหรับสภาวะวิกฤตอันอาจเกิดขึ้นได้ และป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จากการหยุดชะงักทางธุรกิจ ผ่านการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan : BCP) ซึ่งสอดคล้องต่อนโยบายความต่อเนื่องทางธุรกิจ
การกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Compliance Management)
ปัจจุบันกฎหมาย กฎระเบียบ กฏเกณฑ์ และมาตรฐานต่างๆ ได้เพิ่มความเข้มข้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อให้ผู้
ประกอบการทุกรายดำเนินธุรกิจตามกฎต่างๆ อย่างเคร่งครัด ทางธุรกิจพืชครบวงจรจึงได้มีการประเมินผลการดำเนินงานเป็นประจำ เพื่อบริหารจัดการประเด็นที่ไม่สอดคล้องกับทิศทางขององค์กรและสากล รวมถึงเตรียมความพร้อมการดำเนินงานใน 2 ด้าน ได้แก่
1) การตำเนินงานตามนโยบาย และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ซึ่งครอบคลุมทุกบริษัทในองค์กร ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
2) การจัดทำโครงสร้างการบริหารงานของหน่วยงานกำกับการปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามนโยบายและแนวปฏิบัติ ตลอดจนหาแนวทางพัฒนาปรับปรุง เพื่อให้การนำไปปฏิบัติมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีการรายงานผลการปฏิบัติงานตามนโยบาย,แนวปฏิบัติและระเบียบปฏิบัติ
การเสริมสร้างขีดความสามารถในองค์กร
นอกจากการดำเนินงาน เพื่อตอบสนองผลต่อการประเมิน บริษัทยังได้เข้าร่วมโครงการต่างๆ ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเรื่องการขับเคลื่อนให้มีการกำกับการปฏิบัติดามกฎเกณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ
อาทิ โครงการ Compliance Ecosystem ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัทในเครือฯ ในการเตรียมความพร้อมให้การกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์มีอยู่ในกระบวนการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ มีการเชื่อมโยงอย่างบูรณาการ
โดยได้รับ Tone at the Top และการสนับสนุนจากผู้บริหาให้มี Compliance Network เป็นผู้ประสานงานระหว่างบริษัทกับเครือฯ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ กำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ และมีระบบการรายงานมาถึงผู้บริหาร
ที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่องกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ให้กับผู้บริหาร และ Compliance
Network และจัดอบรมในหัวข้อ Compliance & Compliance Audit, Ethical Audit และ Control Self-Assessment Introduction เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการดำเนินงานตามหลักการของการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์
กระบวนการแจ้งเบาะแส และรับเรื่องร้องเรียน (WHISTLE BLOWING SYSTEM)
ธุรกิจพืชครบวงจร เห็นความสำคัญของการจัดให้มีช่องทางการแจ้งเบาะแส และรับเรื่องร้องเรียน เพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะหรือข้อร้องเรียนต่างๆ ทั้งจากผู้บริหาร พนักงานทุกระดับ และจากบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบหรือมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ หรือจากการกระทำผิดกฎหมาย หรือจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงพฤติกรรมที่เข้าข่ายการทุจริตของบุคลากร นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือในการเฝ้าระวัง ติดตามการดำเนินธุรกิจ และเป็นแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการปรับปรุงการบริหารงาน และการบริการให้มีความรัดกุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การรับเรื่องร้องเรียน และแจ้งเบาะแส
ธุรกิจพืชครบวงจร เห็นความสำคัญของการจัดให้มีช่องทางการแจ้งเบาะแสและการรับเรื่องร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ หรือการร้องเรียนต่าง ๆ จากผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม อาทิ บุคลากรของกลุ่มธุรกิจฯ ทั้งผู้บริหาร พนักงานทุกระดับ รวมทั้งบุคคลภายนอก เช่น คู่ค้าธุรกิจ พันธมิตรทางธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบ หรือมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจของกลุ่มธุรกิจฯ หรือจากการกระทำผิดกฎหมาย หรือจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนพฤติกรรมที่เข้าข่ายการกระทำผิด การทุจริต คอร์รัปชัน และการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของบุคลากรของกลุ่มธุรกิจ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนเป็นเครื่องมือในการเฝ้าระวัง ติดตามการดำเนินธุรกิจ และเป็นฐานข้อมูลสำหรับใช้ปรับปรุงการบริหารงานและการให้บริการของกลุ่มธุรกิจฯ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงได้กำหนดให้มีช่องทางการแจ้งเบาะแสและกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนที่ชัดเจน สุจริต โปร่งใส และเป็นไปตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งออกนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการแจ้งเบาะแสและการรับเรื่องร้องเรียน (Whistle Blowing Policy and Guideline)
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 3 สุขภาพดี และสวัสดิภาพที่ดี
SDG 5 ความเท่าเทียมทางเพศ
5.1 ยุติการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิง
SDG 8 ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการสร้างงาน
8.5 ส่งเสริมการจ่ายค่าตอบแทนสำหรับงานที่มีคุณค่าเท่าเทียมกัน
8.7 ยุติความเป็นทาสสมัยใหม่ การค้ามนุษย์ และการใช้แรงงานเด็ก
8.8 ปกป้องสิทธิแรงงานและส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย
ครอบคลุมแรงงานต่างด้าว
SDG 10 ลดความไม่เสมอภาค
10.3 สร้างโอกาสที่เท่าเทียมและไม่มีการแบ่งแยก
10.7 รับผิดชอบและบริหารจัดการนโยบายด้านการอพยพเป็นอย่างดี
มุมมองของเรา
ธุรกิจพืชครบวงจร ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นในการส่งเสริมเรื่องสิทธิมนุษยชนของคนทุกกลุ่ม โดยยึดหลักพื้นฐานของความเท่าเทียมสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาค ทั้งความคิด การกระทำที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ และต้องเคารพซึ่งกฎหมายท้องถิ่นของแต่ละประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม และปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล โดยหลีกเลี่ยงการมีส่วนเกี่ยวข้องในการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกรูปแบบ
ความท้าทายขององค์กร คือ ความคาดหวังการปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียม ในด้านแรงงานของบริษัท คู่ค้า หรือผู้มีส่วนได้เสียของห่วงโซ่อุปทานในทุกมิติที่เกี่ยวทางด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนเป็นระยะ
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
100% ธุรกิจมีการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากกิจกรรมขององค์กร และคู่ค้าโดยตรงที่มีความเสี่ยงสูงเป็นประจำ
แนวทางการบริหารจัดการ
แนวทางการบริหารจัดการ
“คน คือ จิตวิญญาณที่ทำให้องค์กรมีชีวิต” ธุรกิจพืชครบวงจร ให้ความเคารพและยกย่องคุณค่าของคนในองค์กรทุกคน ปลูกฝังและพัฒนาให้เป็นคนดีคนเก่งในทีมงานที่เป็นเลิศ อันจะเป็นแบบอย่างแก่คนรอบข้างทั้งในที่ทำงาน ครอบครัว และสังคมโดยรวม นำไปสู่ความรัก ความผูกพันต่อประเทศชาติสังคม และองค์กรตามค่านิยม สามประโยชน์ โดยมีแนวทางการดำเนินงานดังนี้
การสร้างสังคมการทำงาน • การให้คุณค่ากับพนักงาน เอาใจใส่ในความสามารถ มอบหมายงานที่มีคุณค่าและท้าทาย • ทำให้คนในองค์กรเข้าใจในบทบาทของตนเอง ปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานด้วยความเคารพ เข้าใจในความแตกต่าง ยอมรับนับถือและสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในทีมงาน • สนับสนุนให้เกิดกลุ่ม ชมรมตามความสนใจ เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน • ส่งเสริมให้คนในองค์กรมีน้ำใจ เอื้ออาทรต่อกัน เอาใจใส่ซึ่งกันและกันทั้งในงานและนอกงานรวมถึงการแบ่งปัน ความรู้ ประสบการณ์ และอื่น ๆ ไปให้ผู้ที่ต้องการอย่างเหมาะสม สร้างความรู้สึกการเป็นครอบครัวเดียวกัน | การดูแลจิตใจและจิตวิญญาณ • ส่งเสริมให้เกิดคุณธรรมในจิตใจ • ส่งเสริมการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ (Mindfulness) • ส่งเสริมความกตัญญูกตเวที (รู้คุณและตอบแทนคุณ) | การสร้างความมั่นคงในชีวิต • สนับสนุนให้พนักงานมีสุขภาพการและใจที่แข็งแรง สมบูรณ์ • สนับสนุนให้คนใช้ “ความมีเหตุผล ความพอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน ใช้ความรู้คู่คุณธรรม” เพื่อสร้าง ความมั่นคงในชีวิตและครอบครัว • ขยายผลแนวทางการสร้างความมั่นคงในชีวิตไปสู่ครอบครัวและชุมชนของคนในองค์กร |
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 4 คุณภาพการศึกษา
4.3 ทุกคนเข้าถึงการศึกษาวิชาเทคนิค อาชีวศึกษา อุดมศึกษา รวมถึงมหาวิทยาลัยที่มคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้
4.B ขยายจำนวนทุนการศึกษาสำหรับการศึกษาทุกรูปแบบสำหรับประเทศกำลังพัฒนา
SDG 8 งานที่เหมาะสม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ
8.6 ส่งเสริมเยาวชนให้มีงานทำ, มีการศึกษา และได้รับการฝึกอบรม
SDG 9 อุตสาหกรรม นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
9.C เพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยีด้านข้อมูลการสื่อสารโดยถ้วนหน้า
มุมมองของเรา
ธุรกิจพืชครบวงจร เชื่อว่านวัตกรรมและเทคโนโลยี เป็นพื้นฐานสำคัญของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการศึกษา รวมถึงการยกระดับทักษะที่มีความจำเป็น ต่อการทำงานในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก จึงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรตัวอย่างที่ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รวมถึงนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีต่างๆมาใช้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น ด้านการศึกษาและด้านความมั่นคงในอาชีพเป็นต้น พร้อมกันนี้องค์กรของเรายังสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างการศึกษาขั้นพื้นฐาน (Quality Basic Education) และการยกระดับรูปแบบการเรียนรู้ที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในทุกช่วงอายุ (Lifelong Learning Pathways) การใช้นวัตกรรมเพื่อการศึกษา (Education Innovation)
เป้าหมายสู่ปี 2573
สนับสนุนเด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ ให้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาและการพัฒนาทักษะที่จำเป็น เป้าหมาย 100,000 คน
การบริหารจัดการด้านการศึกษา
แนวทางการบริหารจัดการ
ธุรกิจพืชครบวงจร เชื่อมั่นว่าการสร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม ด้านการศึกษาและการสร้างโอกาสการเข้าถึงองค์ความรู้ คือการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนและผู้ใหญ่ทุกวัย สร้างความพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านต่างๆ ลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย บริษัทนำ 5 ยุทธศาสตร์หลัก ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ มาเป็นแนวปฏิบัติเพื่อการยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการการศึกษาไทยอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับแรงผลักดันการพัฒนาระดับมหภาค (Mega Trend) คือการเปิดเผยข้อมูลสถานศึกษาสู่สาธารณชนเพื่อ ความโปร่งใส การสร้างเสริมกลไกตลาดและวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม การพัฒนาผู้บริหาร สถานศึกษาและครูผู้สอน การสร้างคุณค่าและหลักสูตรที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง และการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ของสถานศึกษา
บริษัทมีความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ของการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (UN SDGs) จึงมีแผนการปฏิบัติการงานที่สอดคล้องกับ UN SDGs ในระดับเป้าหมายย่อย (Targets) เน้นการขจัดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา การเปิดโอกาส ขยายการเข้าถึง ส่งเสริมศักยภาพของทั้งผู้เรียนและผู้สอน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนของทุกฝ่าย
กรอบการดำเนินงานด้านการศึกษา
กลไกตลาดและวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม (MARKET MECHANISMS)
การเปิดเผยข้อมูล สถานศึกษาสู่สาธารณะ (TRANS-PARENCY)
การพัฒนาผู้บริหาร สถานศึกษาและครูผู้สอน (HIGH QUALITY PRINCIPALS & TEACHERS)
การเข้าถึงการศึกษา (ACCESS TO EDUCATION)
การสร้างคุณค่า และเด็กเป็นศูนย์กลาง (CHILD CENTRIC & CURRICULUM)
การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของสถานศึกษา (DIGITAL INFRASTRUCTURES)
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
100% ธุรกิจมีการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากกิจกรรมขององค์กร และคู่ค้าโดยตรงที่มีความเสี่ยงสูงเป็นประจำ
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 4 คุณภาพการศึกษา
4.4 เพิ่มจำนวนประชากรที่มีทักษะ ที่จำเป็นด้านการเงิน
4.7 การศึกษาสำหรับการพัฒนา อย่างยั่งยืนและการเป็นพลเมืองของโลก
SDG 5 ความเท่าเทียมทางเพศ
5.5 สร้างหลักประกันว่าผู้หญิง จะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการเป็นผู้นำ และการตัดสินใจ
SDG 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
17.6 แบ่งปันความรู้ และความร่วมมือสำหรับการเข้าถึงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
มุมมองของเรา
ธุรกิจพืชครบวงจร มุ่งมั่นพัฒนาการธุรกิจแบบครบวงจร โดยยกระดับการดำเนินธุรกิจแบบ B2B เป็น B2C (C คือ เกษตรกร) เพื่อให้เข้าถึงเกษตรกร รับฟังปัญหา ความต้องการ นำข้อมูลมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงนำองค์ความรู้ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเพิ่มศักยภาพการผลิต และถ่ายทอดสู่เกษตรกร เพราะเกษตรกรเปรียบได้กับ “คู่ชีวิต” ที่บริษัทต้องดูแลใกล้ชิด และเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ที่จะก้าวไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน
บริษัทมีการกำหนดพันธกิจ วิสัยทัศน์ ทิศทาง และกลยุทธ์ รองรับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถของ “บุคลากร” เป็นหัวใจหลัก นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความพร้อมของบุคลากรเพื่อรับมือก้บการปรับเปลี่ยนต่างๆ ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัทให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลก
ความท้าทายขององค์กรคือ การสร้างความผูกพันและช่องทางในการมีส่วนร่วมให้กับพนักงานในทุกระดับที่เพิ่มจำนวนขึ้น เพื่อรักษาบุคลากรที่มีความสามารถให้อยู่ร่วมกับบริษัทฯ ก้าวเป็นผู้นำรุ่นใหม่ สะสมประสบการณ์ ร่วมเรียนรู้ และเติบโตไปกับบริษัท
เป้าหมายสู่ปี 2573
100% พนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมและมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือโครงการด้านความยั่งยืนประจำทุกปี
การบริหารบุคลากร
แนวทางการบริหารจัดการ
ธุรกิจพืชครบวงจร เชื่อว่า ‘บุคลากรทุกคน’ ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า และเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันการดำเนินงานให้สำเร็จตามปณิธานที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่บริษัทมุ่งพัฒนาธุรกิจให้เติบโต และขยายการลงทุนไปทั่วโลก นำมาซึ่งความท้าทายในการสร้าง ‘ผู้นำรุ่นใหม่’ เพื่อมาสานต่อค่านิยมขององค์กร ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมบุคลากรให้มีความรู้ ทักษะที่จำเป็น และมีทัศนคติที่พร้อมรับมือ และปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการสร้างประสบการณ์ให้พนักงานมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จขององค์กร
ดังนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว บริษัทได้นำ “กลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคลของเครือฯ Workforce 4.0” , ค่านิยมเครือฯ 6 เรื่อง, ข้อมูลดิจิทัล และเทคโนโลยี มาใช้ในการขับเคลื่อน 5 กลยุทธ์หลักเพื่อสร้างผู้นำรุ่นใหม่ผ่านการเรียนรู้จริง โดยมีสถาบันผู้นำ เครือฯเป็นศูนย์กลาง สร้างระบบนิเวศการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล ซึ่งครอบคลุม การสรรหาคนดีคนเก่ง การเรียนรู้จากที่ปรึกษาระดับโลกในด้านต่างๆ การพัฒนาและวางแผนทางอาชีพคนดี คนเก่งของเครือฯ และปรับองค์กรให้เป็นองค์กรที่มีโครงสร้างแบบยืดหยุ่น ให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนช่องว่างความแตกต่างทางยุคสมัยของคน
กระบวนการพัฒนาบุคลากร
แนวทางการบริหารจัดการ
การพัฒนาบุคลากรของธุรกิจพืชครบวงจร มุ่งเน้นการสร้างผู้นำในทุกระดับ โดยมีสถาบันผู้นำ เครือฯเป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะมีการจัดหลักสูตรที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วม ทุกหลักสูตรพัฒนาจากการปฏิบัติจริง เน้นการดำเนินโครงการผ่านการเรียนรู้ ลงมือปฏิบัติ ควบคู่ไปกับการตัดสินใจ แก้ไขปัญหาทางธุรกิจ และเรียนรู้จากผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง
โครงการยุทธศาสตร์เชิงปฏิบัติการ | โครงการยุทธศาสตร์ เชิงกลยุทธ | ||
ภาพรวมของหลักสูตร | |||
หลักสูตรแรกสำหรับพนักงานรุ่นใหม่ที่มีความสารถ (Young Talents)ในเครือฯ ทั้งไทยและต่างประเทศ มุ่งการสร้างผู้นำที่ครบเครื่องในแบบฉบับของเครือฯ | หลักสูตรพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ที่พิสูจน์ศักยภาพความเป็นผู้นำของตนเองแล้ว มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจ บริหารจัดการครบวงจรในขอบเขตที่รับผิดชอบสร้างรายได้และผลกำไรให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน | หลักสูตรพัฒนาผู้นำระดับปฏิบัติการ ให้สามารถบริหาร จัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ มุ่งเน้นการปฏิรูปกระบวนการ ทำงานให้รวดเร็ว มีคุณภาพ ผนึกกำลังข้ามสายงานและใช้ ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด | หลักสูตรมุ่งเน้นการยกระดับ และพัฒนาเครือฯ อย่างยั่งยืนผ่านการวางแผนและ ทำโครงการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อขยายผลวิสัยทัศน์เครือฯ สู่การปฏิบัติการ |
คุณสมบัติผู้เข้าอบรม | |||
นักศึกษาจบใหม่และ Young Talents จากกลุ่มธุรกิจ | ผู้ผ่านหลักสูตร FLPและพนักงานจากกลุ่มธุรกิจ | ผู้จัดการและผู้บริหารระดับ กลาง | ผู้บริหารระดับสูง |
ผู้สนับสนุนโครงการ | |||
CEO และ CEO-1 | CEO และ CEO-1 | CEO และ CEO-1 | CEO และประธานเครือฯ |
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 16 ความสงบสุข ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง
16.7 สร้างหลักประกันว่า จะมีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุมมีส่วนร่วม และมีความเป็นตัวแทนที่ดีในทุกระดับการตัดสินใจ
ความท้าทาย
ธุรกิจพืชครบวงจร มุ่งมั่นในการดำเนินงานครอบคลุมถึงเทคโนโลยี กระบวนการ และแนวทางปฏิบัติที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องเครือข่าย อุปกรณ์ โปรแกรมและข้อมูลจากการโจมตี หรือการเจตนาเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อปกป้องทรัพย์สินของธุรกิจจากภัยคุกคามทั้งหมดจากการโจมตีทางไซเบอร์ รวมไปถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานและลูกค้า โดยมีเป้าหมายให้องค์กรได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูล
เป้าหมายสู่ปี 2573
ทุกบริษัทได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัย ทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูล
แนวทางการบริหารจัดการด้านความมั่นคงและความปลอดภัยทางไซเบอร์
การดำเนินงานด้านความมั่นคงและความปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูล การละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือการถูกโจมตีจากผู้ไม่หวังดี บริษัทของเราได้มีแนวทางการบริหารจัดการในด้านนี้อย่างเป็นระบบ โดยพิจารณาจากลักษณะของธุรกิจและความต้องการของลูกค้า
แนวทางการบริหารจัดการของเราประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้
– หน่วยงานและบุคลากร : เราได้จัดตั้งหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ในการกำหนดและติดตามผลการปฏิบัติตามชุดนโยบาย และมีบุคลากรที่มีความรู้และทักษะในการจัดการความมั่นคงและความปลอดภัยทางไซเบอร์ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ที่เกี่ยวแก่พนักงานทุกคน
– มาตรการและขั้นตอนการดำเนินการ : เราได้กำหนดมาตรฐาน ข้อบังคับ และข้อปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักการที่เหมาะสมกับธุรกิจของเรา และให้สอดคล้องกับกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
– เทคโนโลยี : เราได้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพในการป้องกัน ตรวจสอบ แก้ไข และแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความปลอดภัยทางไซเบอร์
โดยผ่านกระบวนการวิเคราะห์ ประเมิน และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินงานของเราสอดคล้องกับสถานการณ์และความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป
ความปลอดภัยข้อมูล : ข้อมูลด้านการบริหารบุคคล
ธุรกิจพืชครบวงจร คำนึงถึงความสำคัญของการบริหารข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของพนักงานในทุกระดับ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน สากลและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จากผู้ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องการขอข้อมูล การเก็บข้อมูล การส่งต่อข้อมูล และการทำลาย
สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาล และกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ จึงได้ดำเนินการดังต่อไป
1.Workshop ทบทวนความรู้กับพนักงาน ในหัวข้อ การเตรียมพร้อมรองรับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แต่ละหน่วยงานรับทราบ บทบาท และวิธีการรับมือ กรณีต่างๆตาม พรบ. รวมถึงชี้แจงเรื่องดังนี้
– แนวทาง การจัดการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณี ลูกค้า หรือพนักงานใช้สิทธิ์ ตามพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
– แนวทางการจัดการ กรณี ข้อมูลส่วนบุคคลถูกละเมิด หรือรั่วไหล
2.จัดอบรมทบทวนความรู้ และทำแบบทดสอบ PDPA ประจำปีให้กับพนักงานทุกคน ผ่านระบบ online ของเครือฯ
3.ออกแบบแนวปฏิบัติ PDPA เรื่อง Data Subject Request / Data breach สำหรับใช้ภายในองค์กร

Health Living Well
ธุรกิจพืชครบวงจร ตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของความยั่งยืนด้านสังคม จึงได้ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดการพัฒนาพนักงาน และสังคมให้เชื่อมโยงกับมิติทางเศรษฐกิจขององค์กร โดยให้สิทธิและโอกาสที่จะได้รับการดูแลและผลประโยชน์ที่เป็นธรรม กระตุ้นให้พนักงานเห็นคุณค่าของการทำงาน และเกิดความซื่อสัตย์ต่อองค์กร มีช่องทางการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสีย มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ มีระบบการจัดการ มีสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย สร้างสังคมรอบข้างให้เป็นสังคมที่มีคุณภาพ ได้รับการยอมรับจากสังคมและชุมชน ในการประกอบการปลูกฝังอยู่ในกิจกรรมของคนในองค์กรสื่อไปถึงตราสินค้าและผลิตภัณฑ์ขององค์กร
เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ในการเป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจเกษตรครบวงจรและเกษตรอุตสาหกรรม ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ พันธกิจ และนโยบายฯ จึงกำหนดเป้าหมายความยั่งยืนด้านสังคมประกอบด้วย
1)คุณค่าทางสังคม
2)สุขภาพและสุขภาวะที่ดี
3)ความปลอดภัยอาชีวอนามัย
4)การบริหารจัดการนวัตกรรม
5)การสร้างความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสีย
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 1 ยุติความยากจน
1.2 ลดความยากจนอย่างน้อย 50%
1.4 สิทธิเท่าเทียมกันในการเป็นเจ้าของ, บริการขั้นพื้นฐาน เทคโนโลยี และทรัพยากรทางเศรษฐกิจ
SDG 4 คุณภาพการศึกษา
4.4 เพิ่มจำนวนประชาชนที่มีทักษะที่จำเป็นด้านการเงิน
SDG 8 งานที่เหมาะสม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ
8.6 ส่งเสริมเยาวชนให้มีงานทำ, มีการศึกษา และได้รับการฝึกอบรม
SDG 10 ลดความไม่เสมอภาค
10.1 ลดความไม่เท่าเทียมกันของรายได้
มุมมองของเรา
ธุรกิจพืชครบวงจร มองเห็นว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสภาวะการแบ่งแยกของผู้คนในสังคม (Social polarization) และการขาดความไว้เนื้อเชื่อใจในสังคม (Lack of social trust) ปัจจุบันสภาพแวดล้อมของสังคมมีความไว้เนื้อเชื่อใจต่ำ ทำให้ธุรกิจมีความเสี่ยงด้านชื่อเสียง และด้านการกำกับดูแลจากหน่วยงานทางการเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของการดำเนินธุรกิจในระยะยาว ดังนั้นปัญหาความเหลื่อมล้ำจึงไม่ได้เป็นเพียงปัญหาสังคมที่อยู่ใกล้ตัวอีกต่อไป แต่กลายเป็นความเสี่ยงต่อภาคธุรกิจได้เช่นเดียวกัน
ในขณะเดียวกันธุรกิจต้องมีการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจ และสังคม โดยนำความต้องการ หรือความคาดหวังของคนในสังคมมาบูรณาการเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายขององค์กร
เป้าหมายสู่ปี 2573
เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง 100,000 ราย ได้รับการส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิต
แนวทางการบริหารจัดการการสนับสนุนเกษตรกร (SUPPORTING FARMERS)
ธุรกิจพืชครบวงจร มีความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ และยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจว่า “เกษตรกร คือ คู่ชีวิต” ดังนั้นที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร จึงจัดกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผลิต การปฏิบัติการหลังการเก็บเกี่ยว และสนับสนุนทางการเงิน ตลอดจนเชื่อมโยงกับกลุ่มธุรกิจภายในเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดสินค้าเกษตรให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ที่เข้าไปลงทุน ให้สามารถดำรงชีวิตตามปัจจัยขั้นพื้นฐานในสังคมได้อย่างยั่งยืน
แนวทางการบริหารจัดการ
- ให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่ม (ตลาดนำการผลิต) และดำเนินงานในลักษณะบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- อบรมให้ความรู้การเกษตร จนสามารถลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต และผลผลิตมีคุณภาพที่ดี
- ให้เกษตรกรสามารถเป็นผู้จัดการ : บริหารการผลิต ผลผลิต และมีความรู้ด้านตลาด
4. บริษัทเป็นตลาดรองรับ ป้องกันความเสี่ยงด้านความผันผวนของภาวะราคา สามารถทำให้สมาชิกลดภาวะหนี้สิน
การสนับสนุนกลุ่มเปราะบาง (SUPPORTING THE VULNERABLE GROUP)
แนวทางการบริหารจัดการ
ธุรกิจพืชครบวงจร มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางซี.พี.สู่ความเป็นเลิศ (C.P. Excellence) บนสำนึกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมตามปรัชญา 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals (SDGs) ทั้ง 3 ด้าน อันประกอบด้วย สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อขจัดความยากจน ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร สร้างคุณภาพชีวิต แบ่งปันโอกาสทางการศึกษา มีความเท่าเทียมทางเพศ บริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เข้าถึงพลังงานหมุนเวียนสมัยใหม่ สนับสนุนงานที่มีคุณค่าให้สอดคล้องการเติบโตทางเศรษฐกิจ พัฒนาอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานด้วยนวัตกรรม ลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ มีถิ่นฐานของชุมชนและเมืองที่ปลอดภัย รองรับการบริโภคและแผนการผลิตที่เหมาะสม ดูแลสภาพภูมิอากาศ ทรัพยากรทางทะเล และระบบนิเวศบนพื้นดิน เกิดความเที่ยงธรรม และสันติสุข ยกระดับความร่วมมือสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ประกอบด้วย
พัฒนาการศึกษา
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและสังคม
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 2 ยุติความยากจน
2.1 การเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและความปลอดภัยที่เป็นระดับสากล
2.2 ยุติภาวะทุพโภชนาการทุกรูปแบบ
SDG 3 สุขภาพดีและสวัสดิภาพที่ดี
3.4 ลดการตายจากโรคไม่ติดต่อ และสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดี
3.B สนับสนุนการวิจัย, การพัฒนา และ ให้มีการเข้าถึงยาและวัคซีนในราคา
ที่สามารถซื้อหาได้ในระดับสากล
มุมมองของเรา
ธุรกิจพืชครบวงจร มุ่งมั่นทุ่มเทในการวิจัย และพัฒนาสินค้าให้ได้ตามมาตรฐานการผลิตและมาตรฐานสินค้าเกษตร มีการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่า พร้อมทั้งส่งเสริมความรู้และเทคโนโลยีให้กับเกษตรกร ผ่านการสื่อสารที่มีข้อมูลครบถ้วน เข้าใจง่ายและถูกต้อง รวมถึงพัฒนากระบวนการตามมาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ดีของพนักงาน และคนในชุมชน
เป้าหมายสู่ปี 2573
10% จากยอดขายที่มาจากผลิตภัณฑ์และบริการทั้งแบบ B2B และ B2C นำมาช่วย
ส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ดี
แนวทางการบริหารจัดการนวัตกรรม
ผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมสุขภาพ
สุขภาพและสุขภาวะที่ดีของประชากรทุกคนในแต่ละประเทศ เป็นประเด็นสำคัญจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของประเทศนั้นๆ ในอนาคต รวมไปถึงช่วยลดภาระต้นทุนค่ารักษาพยาบาลในระดับประเทศลงได้ ธุรกิจพืชครบวงจร ในฐานะบริษัทต้นน้ำของธุรกิจเกษตร ตระหนักดีว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถร่วมบรรเทาปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ศักยภาพของบริษัท ซึ่งมีหน้าที่หลักที่ต้องการนำเสนอสินค้าและบริการที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิต ส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ดีของประชาชน
บริษัทจึงมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาสินค้า ใช้การบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล มีการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพตลอด ห่วงโซ่คุณค่า พร้อมทั้งส่งเสริมความรู้และภาวะโภชนาการที่ดีให้เกิด ในสังคมวงกว้าง ผ่านการบริหารจัดการ 4Ps ที่เน้นพัฒนาบุคลากร (People) พัฒนากระบวนการตามมาตรฐานสากล (Process) พัฒนา ผลิตภัณฑ์ที่สร้างเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ดีให้กับผู้บริโภค (Product) และส่งเสริมสุขภาพ (Promotion of Health) ด้วยการสื่อสาร ข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการที่ ส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ดี
บุคลากร (PEOPLE)
-สรรหาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
-ฝึกอบรมทักษะและพัฒนาความรู้
ผลิตภัณฑ์ (PRODUCT)
-วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรม
-สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
-เพิ่มคุณค่าทางโกชนาการ
-คิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับผู้บริโภค ในแต่ละช่วงวัย และอาหารสำหรับผู้ป่วย
เฉพาะโรค
กระบวนการ (PROCESS)
-ระบบและมาตรฐานการจัดการ
-ระบบการวิเคราะห์ และตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบ โดยห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน
ISO/IEC17025
-ระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติ และหุ่นยนต์
-ระบบตรวจสอบย้อนกลับ
การส่งเสริมสุขภาพ (PROMOTION OF HEALTH)
-ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน และถูกต้อง
-ข้อมูลการทวนสอบย้อนกลับ
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 3 สุขภาพดีและสวัสดิภาพที่ดี
3.4 ลดการตายจากโรคไม่ติดต่อ และสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดี
SDG 8 งานที่เหมาะสม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ
8.8 ปกป้องสิทธิแรงงานและส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย
ครอบคลุมแรงงานต่างด้าว
มุมมองของเรา
ธุรกิจพืชครบวงจรให้ความสำคัญ ในการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ไม่น้อยกว่าคุณภาพสินค้า ดังนั้นทุกกระบวนการการทำงานต้องเกิดความปลอดภัย ไม่ส่งผลต่อสุขภาพของพนักงาน และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดทำกระบวนการชี้บ่งอันตราย และประเมินความเสี่ยงของทุกกิจกรรมงานที่ปฏิบัติ รวมถึงเมื่อมีกิจกรรมใหม่หรือมีเครื่องจักรใหม่เข้ามา ต้องมีการชี้บ่งอันตราย และประเมินความเสี่ยงก่อนเริ่มงานทุกครั้ง เพื่อให้ทราบถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น พร้อมกับหาแนวทางการปรับปรุงแก้ไขและป้องกัน
เป้าหมายสู่ปี 2573
อัตราการเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานเป็นศูนย์
แนวทางการบริหารจัดการ
มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการทำงาน โดยยึดมั่นต่อการดูแลใส่ใจพนักงาน ผู้รับเหมา ผู้มาติดต่อ ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินธุรกิจตลอดจนห่วงโซ่อุปทาน จึงกำหนดนโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้เป็นแนวปฏิบัติและยกระดับการดำเนินงานด้านความปลอดภัยขององค์กร โดยมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้
1.กำหนดให้ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบประจำของผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับ และถือว่าผลสำเร็จในการดำเนินงานเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินผลการปฏิบัติงาน
2.บริษัทจะสนับสนุนงบประมาณ และทรัพยากรต่างๆ เพื่อการพัฒนาการดำเนินงานด้านความปลอดภัยฯ เพื่อให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการนำนโยบายไปปฏิบัติ รวมถึงสื่อสารให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบผลการดำเนินการ
3.จัดให้พนักงานทุกระดับ ได้รับการอบรมความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงาน ให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีระบบความปลอดภัยฯ ที่ดี ให้เกิดความมีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
4.ให้มีการบริหารความเสี่ยงด้านความปลอดภัยฯ การจัดการภาวะวิกฤติที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยบูรณาการเข้ากับทุกกิจกรรมของการดำเนินธุรกิจ ในทุกระดับงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเป็นการป้องกัน และลดผลกระทบจากอันตราย ลดการบาดเจ็บ ความเจ็บป่วยของพนักงาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความเสียหายต่อชื่อเสียง และทรัพย์สิน และไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนภายนอก
5.ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ทั้งในระดับประเทศ ระดับท้องถิ่น และสอดคล้องตามมาตรฐานสากล ข้อกำหนดของลูกค้าและหน่วยงานต่างๆ
6.ติดตาม และรายงานประสิทธิผล การบริหารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานให้กับผู้บริหารทุกระดับ เพื่อนำไปปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ให้สอดคล้องกับรูปแบบการรายงานตามมาตรฐานสากล
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 8 งานที่เหมาะสม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ
8.2 สร้างความหลากหลาย นวัตกรรมและยกระดับผลิตภาพทางเศรษฐกิจ
SDG 9 อุตสาหกรรม นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน
8.2 สร้างความหลากหลาย นวัตกรรมและยกระดับผลิตภาพทางเศรษฐกิจ
9.B สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีภายในและความหลากหลายของอุตสาหกรรม
SDG 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
17.17 สนับสนุนความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ
มุมมองของเรา
ความท้าทายของธุรกิจในยุคดิจิทัล คือการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อให้สามารถตอบสนอง และสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเกษตร จึงต้องมีการปรับปรุงและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ รวมถึงการให้ความสำคัญเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ธุรกิจพืชครบวงจร จึงให้ความสำคัญทั้งในเรื่องการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนา เพราะเชื่อมั่นว่าจะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว รวมไปถึงสร้างคุณค่าให้สังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน
เป้าหมายสู่ปี 2573
จำนวนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรที่ได้รับการขึ้นทะเบียน 50 ฉบับ
แนวทางการบริหารจัดการ
เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล หรือยุค 4.0 ธุรกิจพืชครบวงจรเชื่อว่า นวัตกรรมจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เราก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในระดับโลกหรือ Mega Trend จึงกำหนด และดำเนินการตามกรอบการบริหารจัดการด้านนวัตกรรมของบริษัท ประกอบด้วย การสร้างแพลตฟอร์ม (Platform) การพัฒนาบุคลากร และวัฒนธรรมองค์กร (People) การพัฒนากระบวนการ (Process) ได้แก่ นวัตกรรมแบบเปิด และการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา (Pipeline) ซึ่งพื้นฐานสำคัญคือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพลิกโฉมองค์กร เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นองค์กรนวัตกรรมทั่วทั้งองค์กร
CPP Innovation Diagram
คิดดี ทำดี (Nice Think Made Good)
โครงการข้อเสนอแนะ
3 Level
ระดับบริษัท
ระดับกลุ่มธุรกิจ
ระดับเครือ
5S BEST PRACTICE
สะสาง สะดวก สะอาด สร้างมาตรฐาน สร้างวินัย
ONE FOR ALL
โครงการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
โครงการนวัตกรรม
กิจกรรมด้านพลังงาน
หมายเหตุ : CPP Project คือ โครงการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ (Cost Productivity Imprement Project)
การสร้างองค์กรแห่งนวัตกรรม
ธุรกิจพืชครบวงจร ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพื่อสร้างโอกาส และต่อยอดนวัตกรรม ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคม เริ่มจากการเน้นการดำเนินงานของพนักงานระดับปฏิบัติการ โดยมุ่งเน้นให้พนักงานแก้ปัญหาหน้างานด้วยตนเอง จึงมีการสร้างระบบข้อเสนอแนะ(Suggestion) และมีการสร้างแรงจูงใจ โดยสร้างเวทีให้พนักงานได้นำเสนอผู้บริหาร เมื่อพนักงานได้มีการพัฒนาและเกิดเป็นวัฒนธรรมในระดับหนึ่ง ลำดับถัดไปมีเป้าหมายให้พนักงานทำงานร่วมกัน จึงมีการเซ็ตการทำงานเป็นทีม โดยใช้แนวคิดของ QCC System ให้พนักงานรวมกลุ่มกัน แก้ไขปัญหาที่ยากขึ้น มีการร่วมกันตัดสินใจระหว่างทีมเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ผ่านโครงการ “One for all” ครอบคลุมเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพ การลดต้นทุน และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นมุ่งเน้นการร่วมมือกันแบบ Cross Function พัฒนาสู่กระบวนการ Innovation System ส่งเข้า CP INNOVATION ของเครือฯ ทั้งนี้ในระดับองค์กร ได้จัดเวทีให้พนักงานแสดงศักยภาพในการประกวดผลงาน ในงาน PD Award โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูนวัตกรผู้คิดค้นผลงาน และเพื่อแบ่งปันความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของพนักงาน ทั้งนี้ผลงานที่มีความโดดเด่นจะได้รับการพัฒนา และยกระดับไปสู่การประกวดนวัตกรรมของเครือเจริญโภคภัณฑ์
One for All Diagram
1.หน่วยงาน
ส่งโครงการลดต้นทุน/เพิ่มประสิทธิภาพกิจกรรมด้านพลังงาน นวัตกรรม (ด้านเศรษฐกิจ, ด้านสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย, ด้านเทคโนโลยี)
2.ข้อมูลโครงการ
เลขานุการคณะกรรมการ ISE รวบรวมโครงการ และจัดทำลิ้งค์สำหรับส่งให้คณะกรรมการแต่ละท่านประเมินผลโครงการ
3.ประเมินผลโครงการ
คณะกรรมการ ISE ประเมินผลโครงการ
4.รายงานผลการตรวจประเมินโครงการ
เลขานุการประกาศผลการประเมินในที่ประชุม คณะกรรมการ ISE
5.ดำเนินการโครงการ
หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการที่ผ่าน ดำเนินการจัดทำโครงการจนแล้วเสร็จ
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 16 ความสงบสุข ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง
16.7 สร้างหลักประกันว่าจะมีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุม
มีส่วนร่วม และมีความเป็นตัวแทนที่ดี ในทุกระดับการตัดสินใจ
SDG 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
17.6 ยกระดับหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
17.7 สนับสนุนความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ
มุมมองของเรา
ธุรกิจพืชครบวงจรมีความเชื่อมั่นว่า การกำกับดูแลกิจการที่ดี เป็นปัจจัยสำคัญต่อเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และนำเครือฯ ไปสู่ความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียในระยะยาว การกำกับดูแลกิจการที่ดีนั้น แสดงให้เห็นถึงการมีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่า ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและความร่วมมือจากพนักงานทุกระดับ โดยมีคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูง ให้การส่งเสริมสนับสนุน เพื่อให้การกำกับดูแลกิจการเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
เป้าหมายสู่ปี 2573
80% คะแนนความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสียหลัก จากการสำรวจของทุกกลุ่มธุรกิจ
กรอบการดำเนินงานกับผู้มีส่วนได้เสีย (STAKEHOLDER ENGAGEMENT FRAMEWORK)
แนวทางการบริหารจัดการ
ธุรกิจพืชครบวงจร มีการประกาศนโยบาย และพิจารณาผู้มีส่วนได้เสีย ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจในขอบเขตของแต่ละบริษัท พร้อมทั้งวิเคราะห์ความสัมพันธ์ผู้มีส่วนได้เสียขององค์กร เพื่อให้สะท้อนบริบทการดำเนินงานของธุรกิจอย่างครอบคลุม ซึ่งจะทำให้บริษัทระบุได้ว่าในการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า ที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสียทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยครอบคลุมคณะกรรมการ พนักงาน ลูกค้า เกษตรกร คู่ค้า ชุมชนและสังคม ภาครัฐ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร สื่อมวลชน และคู่แข่งทางการค้า บริษัทวิเคราะห์ประเด็นที่ผู้มีส่วนได้เสีย มีผลกระทบและมีความคาดหวังต่อองค์กร รวมถึงประเด็นที่องค์กรมีผลกระทบและมีความคาดหวังต่อผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งบริษัทได้ให้ความสำคัญและดำเนินการเพิ่มผลกระทบเชิงบวกและลดผลกระทบเชิงลบ เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
บริษัทกำหนดวิธีการมีส่วนร่วม กับผู้มีส่วนได้เสียแต่ละกลุ่ม เพื่อให้สามารถสื่อสาร จัดการประเด็น และได้นำประเด็นที่มีนัยสำคัญมาใช้ในการกำหนดแนวทางการตอบสนองความต้องการ กับผู้มีส่วนได้เสีย และสร้างความผูกพันอย่างสอดคล้องในทิศทางเดียวกันทั้งองค์กร
Investor | Employee | Farmer | Customer & Consumer |
Supplier | Partner | Social online | Government |
Bank | NGO | Community | Competitor |
การรับฟังเสียงจากผู้มีส่วนได้เสีย
ธุรกิจพืชครบวงจร ได้รวบรวมประเด็นและข้อคิดเห็น ซึ่งครอบคลุมมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนร่วมจัดลำดับความสำคัญของประเด็นดังกล่าว นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการสัมภาษณ์ ผู้แทนกลุ่ม ผู้มีส่วนได้เสียถึงมุมมองต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัท และได้นำประเด็นที่มีนัยสำคัญมาใช้ในการกำหนดแนวทางการตอบสนองความต้องการกับผู้มีส่วนได้เสีย และสร้างความผูกพันอย่างสอดคล้องในทิศทางเดียวกันทั้งองค์กร ครอบคลุมการสัมภาษณ์โดยตรง การใช้แบบสำรวจ และการสำรวจข้อมูลโดยบริษัทที่ปรึกษา เพื่อให้ได้ประเด็นที่มีนัยสำคัญที่ชัดเจน
การสร้างความมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียในแต่ละพื้นที่ นับเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างรากฐาน สู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน โดยผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท คือ กลุ่มบุคคลที่ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวก และเชิงลบจากการดำเนินธุรกิจ ครอบคลุมทั้งภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งบริษัทมีความยินดีอย่างยิ่งในการรับฟังเสียง จากผู้มีส่วนได้เสียผ่านช่องทางที่หลากหลาย ซึ่งได้นำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ เหล่านั้น มาวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจถึงความคาดหวังและความต้องการ ก่อนที่จะตอบสนองด้วยแนวทางที่สามารถบริหารจัดการประเด็นต่าง ๆ ที่มีความสำคัญทั้งต่อธุรกิจ และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างเหมาะสม
กระบวนการสร้างความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสีย
การวางแผน ทำความเข้าใจและกำหนดวิธีการในการสร้างความผูกพัน และสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสีย
เตรียมการ วางตัวทีมงานและคาดการณ์ถึงความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นพร้อมแนวทางแก้ปัญหา
ดำเนินการ ลงพื้นที่พบกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียตามวิธีการที่ได้กำหนดไว้
ทบทวนและปรับปรุง ติดตาม ประเมินผลและปรับปรุงเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

Home Living Well
ธุรกิจพืชครบวงจร ตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์อย่างรู้คุณค่า ควบคู่ไปกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้ “โครงการธรรมชาติปลอดภัย เครือเจริญโภคภัณฑ์” โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
- เพื่อให้ความรู้และปลูกจิตสำนึกต่อเยาวชนรวมทั้งชุมชนในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างมีความสุข
- เพื่อปกป้อง ปราบปราม และรณรงค์เชิงรุก สำหรับพื้นที่ที่ยังคงความสมบูรณ์ ทั้งในระดับพื้นที่ และภาพรวมทั้งประเทศ
- เพื่อฟื้นฟูปลูกป่ารักษาต้นน้ำในพื้นที่ที่เกิดความเสียหาย โดยปลูกป่าให้เหมาะกับพื้นที่นั้นๆ เช่น ปลูกไม้เนื้ออ่อน ไม้เนื้อแข็งที่เป็นไม้พื้นเดิม ไม้มีค่าไม้หายาก ไม้ยึดดินไม้ซับน้ำและไม้เพื่อเป็นอาหารสัตว์
- เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนที่ใช้พื้นที่ป่าเป็นพื้นที่ทำกินได้ มีแนวทางในการประกอบอาชีพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
โดยมียุทธศาสตร์ และแผนดำเนินการผ่านการสนับสนุนกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ คือ การให้ความรู้ และปลูกจิตสำนึกต่อประชาชนและ เยาวชน การเพิ่มประสิทธิภาพการปกป้อง ปราบปรามให้แก่เจ้าหน้าที่ การฟื้นฟูปลูกป่า รักษาต้นน้ำในพื้นที่ที่เกิดความเสียหาย และการส่งเสริมให้ประชาชนที่ใช้พื้นที่ป่า เป็นพื้นที่ทำกินได้มีแนวทาง ในการประกอบอาชีพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรที่สร้างสรรค์ สิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ให้สังคมเกษตรกรรม ด้วยการคิดค้นนวัตกรรม ด้านผลิตภัณฑ์ และการจัดการที่ช่วยพัฒนาความก้าวหน้า และความมั่นคงด้านพืชอาหารและพืชพลังงานสู่สังคมโลก บนพื้นฐานของการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ พันธกิจ
และนโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัยสิ่งแวดล้อม พลังงานและประสิทธิภาพ จึงกำหนดเป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้
1.การปล่อยก๊าซเรือนกระจก
2.ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน
3.การดูแลรักษาทรัพยากรน้ำ
- การปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ
5.การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 7 พลังงานที่สะอาดและสามารถซื้อหาได้
7.2 เพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนในการใช้พลังงานของโลก
7.3 เพิ่มอัตราการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังานของโลกให้เพิ่มขึ้น 2 เท่า
SDG 11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน
11.6 ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในเขตเมือง
SDG 12 การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ
12.2 การจัดการที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ
12.3 ลดขยะเศษอาหารของโลกลงครึ่งหนึ่ง
12.5 ลดการเกิดของเสียอย่างจริงจัง
SDG 13 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
13.3 การสร้างความตระหนักรู้และขีดความสามารถในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
มุมมองของเรา
ธุรกิจพืชครบวงจร มีความมุ่งมั่นในการพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมาตรการในการติดตามอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง ยึดหลักปฏิบัติตามหลักสากลที่เกี่ยวข้อง บูรณาการเข้ากับหลักการดำเนินงานธุรกิจ ที่ให้ความสำคัญในเรื่อง ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เป้าหมายสู่ปี 2573
ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยรายได้ลง 25% เทียบกับปีฐาน 2563
เป้าหมายคาดการณ์การลดก๊าซเรือนกระจก
ธุรกิจ | ปริมาณการปล่อย (ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า) | ปริมาณการปลดปล่อย (เพิ่มขึ้น 5% ทุกปี) | ปริมาณการปล่อย (กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า) (กักเก็บที่ 25% ของปริมาณการปลดปล่อยทั้งหมด) | เป้าหมายการปลูกต้นไม้(ต้น) (Seft Assessment} ( 1 ตันกักเก็บได้ 9.5 กิโลกรัมคาร์บอน) | เป้าหมายการปลูกต้นไม้ (ต้น) (LESS / TVER) ( 1 ตันกักเก็บได้ 100 กิโลกรัมคาร์บอน) |
CPP (ไทย) | 4,069.81 | 6,313.60 | 1,578.403 | 166,147 (150,000) | 15,784 |
เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ส่งเสริม | (50,000) (50,000) (50,000) | 5,000 5,000 5,000 | |||
CPP (เวียดนาม) | 2,586.70 | 4,012.80 | 1,003,205 | 105,600 (100,000) | 10,032 |
CPP (เมียนมา) | 235.38 | 555.10 | 138,753 | 14,606 (20,000) | 1,387 |
CPP (อินเดีย) | 3,465.61 | 5,376.20 | 1,344,075 | 141,481 (150,000) | 13,440 |
CPP (รวม) | 10,357.50 | 16,067.80 | 4,016,970 | 422,839 (420,000) | 40,169 |
CPA / CPS | 7,659.05 | 11,881.71 | 2,970,427 | 312,677 (310,000) | 29,704 |
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน
11.6 ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในเขตเมือง
SDG 12 การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ
12.2 การจัดการที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ
12.3 ลดขยะเศษอาหารของโลกลงครึ่งหนึ่ง
12.5 ลดการเกิดของเสียอย่างจริงจัง
มุมมองของเรา
ธุรกิจพืชครบวงจร มีความมุ่งมั่นดำเนินงานที่มุ่งเน้นด้านการจัดการทรัพยากรอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้มีส่วนใดถูกทิ้งอย่างสูญเปล่า ผลิตภัณฑ์และวัสดุจะถูกเก็บไว้ใช้ซ้ำ ผลิตซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่ ตราบเท่าที่ทรัพยากรเหล่านั้นถูกใช้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับของเสียที่เกิดขึ้น ไม่จัดการของเสียด้วยวิธีฝังกลบ และพัฒนาแนวทางการออกแบบภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ยั่งยืน
โดยมีเป้าหมายให้ทุกบริษัทในกลุ่มธุรกิจ
1.ลดปริมาณขยะอาหารเป็นศูนย์ (Zero Food Waste)
2.ไม่มีการจัดการของเสียทั่วไปด้วย วิธีฝังกลบ (Zero Waste to Landfill)
3.บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ทั้งหมดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ใช้ซ้ำ หรือย่อยสลายได้
เป้าหมายสู่ปี 2573
ขยะอาหารและของเสียที่ถูกนำไปฝังกลบเป็นศูนย์ และบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ทั้งหมดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ใช้ซ้ำ หรือย่อยสลายได้ 100%
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ
ประกาศใช้นโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน นโยบายการลดการสูญเสียอาหาร และขยะอาหาร นโยบายบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน และ นโยบายการจัดการของเสีย
ปรับเปลี่ยนการรายงานข้อมูลของเสีย ตาม GRI 306: WASTE (2020)
จัดทำข้อมูลฐานเรื่องความสูญเสียในห่วงโซ่อุปทานของการผลิต (Food Loss)
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 6 น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล
6.3 ปรับปรุงคุณภาพน้ำ การบำบัดน้ำเสียและการใช้ซ้ำที่ปลอดภัย
6.4 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและสร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดหาน้ำ
6.5 ดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบองค์รวม
6.B สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนาการจัดการน้ำและสุขอนามัย
SDG 12 การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ
12.2 การจัดการที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ
SDG 14 สิ่งมีชีวิตในท้องทะเล
14.1 การลดมลพิษทางทะเล
มุมมองของเรา
ประชาชนครึ่งหนึ่งของโลก ประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำ หากยังคงมีการใช้น้ำที่ฟุ่มเฟือย ยิ่งไปกว่านั้นสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ระบุว่าประเด็นด้านทรัพยากรน้ำ เป็นประเด็นทางสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดประเด็นหนึ่งในปี 2560 การรักษาความมั่นคงของทรัพยากรธรรมชาติ (Natural Resource Security) โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำสะอาด เป็นประเด็นที่ภาคเอกชน จำเป็นต้องให้ความสำคัญ ธุรกิจพืชครบวงจรให้ความสำคัญและใส่ใจกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
เป้าหมายสู่ปี 2573
ลดปริมาณการใช้น้ำจากเป้าหมายลง 30% เทียบกับปีฐาน 2563
แนวทางการบริหารจัดการการสนับสนุนเกษตรกร (SUPPORTING FARMERS)
น้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นต่อทุกชีวิต มีผลโดยตรงต่อการดำเนินชีวิตอย่างมั่นคง ขณะเดียวกันยังมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ในปัจจุบันการขาดแคลนน้ำกลายเป็นประเด็นที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตระหนักถึงปัญหาและความเสี่ยงดังกล่าว จึงได้กำหนดแนวปฏิบัติเพื่อให้มั่นใจว่า การดำเนินธุรกิจจะสามารถรักษาสมดุลการใช้น้ำกับความต้องการน้ำของชุมชนและธรรมชาติดังนี้
การดำเนินงานด้านการจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การแสดงเจตจำนง
ประเมินความเสี่ยง โอกาส และผลกระทบ
กำหนดเป้าหมายและนโยบาย
การดำเนินงาน
สื่อสารผู้มีส่วนได้เสีย
ติดตามวัดผล
การประเมินความเสี่ยงด้านน้ำแบบบูรณาการ
ธุรกิจพืชครบวงจร ได้พัฒนากรอบการดำเนินงานเกี่ยวกับการประเมินความเสี่ยงด้านทรัพยากรน้ำ เพื่อนำไปใช้กับทุกหน่วยงานในทุกกลุ่มธุรกิจ การจัดทำการประเมินจะคำนึงถึงปัจจัยความเสี่ยงในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านปริมาณน้ำที่นำมาใช้ของแต่ละหน่วยงาน และด้านความเครียดน้ำ (Baseline water stress) โดยใช้เครื่องมือ Aqueduct Water Risk Atlas ของ World Resources Institute (WRI) ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล จากนั้นจะนำผลการประเมินมาจัดระดับตามความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำ 3 ระดับ เพื่อจัดทำแผนบริหารจัดการด้านน้ำต่อไป
กรอบการดําเนินงานในการประเมินความเสี่ยงด้านนํ้า
ความเครียดน้ำ (Baseline Water Stress)
ปริมาณน้ำที่นำมาใช้ (Water Withdrawal)
ระดับต่ำ – ปานกลาง ปริมาณน้อย – ปานกลาง
ปริมาณมาก
ระดับสูง – สูงมาก ปริมาณน้อย
ปริมาณปานกลาง
ปริมาณมาก
แผนบริหารจัดการด้านน้ำ
ระดับ 1 : ความเสี่ยงต่ำ
– ติดตามปริมาณน้ำที่นำมาใช้ผ่านระบบการรายงานผลอย่างต่อเนื่อง
ระดับ 2 : ความเสี่ยงป่านกลาง
-ประเมินความเสี่ยงระดับพื้นที่โดยใช้ Local Water Tool
-เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำตามหลักการ 5Rs
-ติดตามปริมาณน้ำที่นำมาใช้ผ่านระบบการรายงานผลอย่างต่อเนื่อง
ระดับ 3 : ความเสี่ยงสูง
-ประเมินความเสี่ยงระดับพื้นที่โดยใช้ Local Water Tool
-เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำตามหลักการ 5Rs
-ติดตามปริมาณน้ำที่นำมาใช้ผ่านระบบการรายงานผลอย่างต่อเนื่อง
-ประเมินความเสี่ยงด้านน้ำให้กับคู่ค้ารายสำคัญ
บริษัทในกลุ่มธุรกิจแบ่งตามระดับการประเมินความเสี่ยงด้านน้ำ
High (40-80%)
Medium – High (20-40%)
Low – Medium (10-20%)
Low(<10%)
ผลการดำเนินงานเรื่องการจัดการด้านน้ำ
โครงการปลูกบ้านให้น้ำ (ธนาคารน้ำใต้ดิน)
นโยบายการขุดบ่อบาดาลในพื้นที่ปลูกข้าวโพด
พัฒนาแหล่งน้ำ สร้างทางเลือกในการผลิต
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 6 น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล
6.6 ปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำ
SDG 14 สิ่งมีชีวิตในท้องทะเล
14.2 การปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศ
14.4 การประมงอย่างยั่งยืน
14.5 การอนุรักษ์ชายฝั่งและพื้นที่ทางทะเล
SDG 15 สิ่งมีชีวิตบนผืนดิน
15.1 การอนุรักษ์ และฟื้นฟูการใช้ระบบนิเวศบนบกและในน้ำจืด
15.2 หยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า และฟื้นฟูป่าที่เสื่อมโทรม
15.4 สร้างหลักประกันว่าจะมีการอนุรักษ์ระบบนิเวศภูเขา
15.5 ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ
มุมมองของเรา
ธุรกิจพืชครบวงจร ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบและปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ และระบบนิเวศให้มีความสมบูรณ์ ผ่านการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมในการดูแลและลดผลกระทบเหล่านี้ บริษัทยังได้ประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพของโลกอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลอย่างรับผิดชอบ ปกป้อง ฟื้นฟู และสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศบนบก ป่าไม้และความหลากหลายทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน
เป้าหมายปี 2573
ดำเนินการปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศทางบก 100% ในพื้นที่ที่ดำเนินกิจกรรม
แนวทางการบริหารจัดการ
ธุรกิจพืชครบวงจร มีความเชื่อว่าการปกป้องระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพบนพื้นฐานของการใช้ทรัพยากรอย่างเท่าเทียมกัน เป็นความรับผิดชอบของทุกภาคส่วนในสังคม จึงกำหนดแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับปฏิญญาริโอ ว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา และอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพดังนี้
- มีส่วนร่วมอย่างรับผิดชอบในการปกป้องระบบนิเวศและความ หลากหลายทางชีวภาพ โดยปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ รวมถึงมาตรฐานสากล และกำหนดเป้าหมายระยะยาว เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนให้ความร่วมมือกับองค์กรที่ทำงานด้านการอนุรักษ์
- ลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดห่วงโซ่อุปทานให้มากที่สุด ด้วยการพัฒนาแนวทางการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ ป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า และสร้างความมั่นใจว่ามีการดำเนินการตามแนวทางอย่างมีประสิทธิภาพ
- มีการประเมินความเสี่ยงผลกระทบต่อระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินงาน แลและความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินงาน และการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
- ส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับการปกป้องระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ ให้แก่พนักงาน คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ ด้วยการจัดฝึกอบรม การแบ่งปันความรู้ หรือการจัดกิจกรรมรณรงค์
- เผยแพร่ข้อมูลและผลการดำเนินงาน ด้านการปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ผ่านรายงานความยั่งยืน เครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อรายงานสถานะความคืบหน้าของการดำเนินงานปัจจุบันเทียบกับเป้าหมายที่กำหนดให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบ
- พัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGOs) สถาบันการศึกษา ชุมชน และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพในระดับประเทศหรือระดับโลก
กรอบการดำเนินงานด้านการปกป้องระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ
COMMIT
แสดงเจตจำนงโดยผู้บริหารขององค์กร
ร่วมรับผิดชอบในการปกป้องระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ASSESS
ประเมินความเสี่ยง โอกาส และผลกระทบ
ประเมินผลกระทบของการดำเนินธุรกิจจากการพึ่งพาต้นทุนทางธรรมชาติ ตามกรอบแนวทาง Natural Capital Protocol
DEFINE
กำหนดเป้าหมาย และนโยบาย
นโยบายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เครือเจริญโภคภัณฑ์ และเป้าหมายความยั่งยืน ปี 2564 ด้านการปกป้องระบบนิเวศ และความหลากหลายทางธรรมชาติ
IMPLEMENT
การดำเนินงาน
ดำเนินงานเพื่อปกป้องระบบนิเวศ และความหลากหลายทางธรรมชาติตลอดห่วงโซ่อุปทาน
MEASURE
ติดตามวัดผล
ติดตามความก้าวหน้าเทียบกับเป้าหมาย วิเคราะห์แนวทางปรับปรุงผลการดำเนินงาน
COMMUNICATE
สื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสีย
สื่อสารกลยุทธ์และความก้าวหน้าในการดำเนินงาน และเสริมสร้างความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสียภายนอก
สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 4 คุณภาพการศึกษา
4.4 เพิ่มจำนวนประชาชนที่มีทักษะที่จำเป็น และการเป็นผู้ประกอบการ
SDG 8 งานที่เหมาะสม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ
8.3 ส่งเสริมนโยบายที่มุ่งเน้นการสร้างงานและความเป็นผู้ประกอบการ
SDG 9 อุตสาหกรรม นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน
9.4 ปรับปรุงอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและการใช้เทคโนโลยี
มุมมองของเรา
เราตระหนักดีว่า ความแข็งแกร่งของห่วงโซ่ขึ้นอยู่กับโซ่ข้อที่แข็งแกร่งน้อยที่สุด ด้วยเหตุนี้บริษัท จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับคู่ค้าธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อมุ่งสู่การปฏิบัติที่เป็นเลิศ ครบทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมบริษัทฯ ถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในการขับเคลื่อน เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ข้อจำกัดดังกล่าวมิได้ทำให้บริษัทย่อท้อ แต่ในทางกลับกันบริษัทยังคงมุ่งมั่นอย่างตั้งใจจริง เพื่อพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าให้ดียิ่งขึ้น เราจะร่วมกันคิด ร่วมกันสร้าง เพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนไปพร้อมๆกัน นอกจากนี้บริษัท ยังสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อพัฒนาประเทศ ที่บริษัทได้มีการดำเนินธุรกิจหรือเข้าไปลงทุน ตามหลักค่านิยม 3 ประโยชน์
เป้าหมายปี 2573
100% ของคู่ค้าธุรกิจหลักได้รับการประเมินด้านความยั่งยืน
การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ
แนวทางการบริหารจัดการ
ธุรกิจพืชครบวงจร ให้ความสำคัญกับการบริหาร ห่วงโซ่อุปทานโดยการกำหนดขั้นตอนการบริหาร เพื่อเป็นแนวทางสำหรับทุกบริษัทในกลุ่มธุรกิจฯ ให้มีการบริหารห่วงโซ่อุปทาน ไปในทิศทางเดียวกัน โดยในการบริหารห่วงโซ่ อุปทานนั้น กลุ่มธุรกิจฯ เริ่มต้นจากการสื่อสารคู่มือ จรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า ไปยังคู่ค้าธุรกิจทุกราย เพื่อให้คู่ค้าธุรกิจได้รับทราบนโยบายและความ คาดหวังของกลุ่มธุรกิจฯ และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างต่อเนื่อง
การสร้างความตระหนักและความเสี่ยง
ธุรกิจพืชครบวงจร มีการดำเนินงานธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้าเป็นจำนวนมาก ทางกลุ่มธุรกิจได้รับนโยบายจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ และมีความมุ่งมั่นในการสร้างความตระหนักเรื่องการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ กับคู่ค้าธุรกิจหลัก (Critical Supplier) เป็นอันดับแรก โดยหลักการที่ใช้ในการแบ่งประเภทคู่ค้าหลักมีดังนี้
1.คู่ค้าที่เป็นผู้ส่งมอบวัตถุดิบหลักที่เป็นส่วนประกอบสำคัญ
2.คู่ค้าที่เป็นผู้ส่งมอบวัตถุดิบหลักที่หาทดแทนไม่ได้
3.คู่ค้าที่มีมูลค่าการซื้อ-ขายสูง
นอกจากนี้ได้บ่งชี้เพื่อค้นหาคู่ค้าธุรกิจที่มีความเสี่ยงด้วยการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทานผ่านเกณฑ์ประเมิน 2 มิติ คือระดับความรุนแรงของผลกระทบ และโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงซึ่งประเด็นความเสี่ยงที่ใช้ในการประเมินนำมาจากช่องทาง ที่เชื่อถือได้ดังนี้ 1) ข่าวสาร 2) ผลการดำเนินงานในอดีต 3) ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรม และ 4) แนวโน้ม ความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดในอนาคต ทั้งนี้การประเมินความเสี่ยงครอบคลุมถึงกลุ่มวัตถุดิบ กลุ่มบรรจุภัณฑ์ และกลุ่มผู้ให้บริการที่ไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะคู่ค้าธุรกิจลำดับที่ 1 (Tier1) ที่ทำการซื้อ-ขายโดยตรงเท่านั้นแต่ยังคงรวมถึงคู่ค้าธุรกิจลำดับอื่นๆ (Non-Tier 1) อีกด้วย
การกำหนดประเทศคู่ค้าหลัก การบ่งชี้คู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูง
คู่ค้าที่เป็นผู้ส่งมอบวัตถุดิบหลักที่เป็นส่วนประกอบสำคัญ ความเสี่ยงด้านธรรมาภิบาล
คู่ค้าที่เป็นผู้ส่งมอบวัตถุดิบหลักที่หาทดแทนไม่ได้ ความเสี่ยงด้านสังคม
คู่ค้าที่มีมูลค่าการซื้อ-ขายสูง ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม
เกณฑ์การตรวจประเมินคู่ค้าสำคัญ
ขั้นตอนและวิธีการปฎิบัติ เพื่อการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
1.การประเมินความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานตามระยะเวลาที่กำหนด
2.การกำหนดคู่ค้าหลัก ((Critical Tier1 Supplier)
3.การตรวจประเมินคู่ค้าธุรกิจตามระยะเวลาที่กำหนด (Audit)
4.การร้องขอให้แก้ไขประเด็นที่ไม่สอดคล้องกับจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ
5.การส่งเสริมให้คู่ค้าธุรกิจปรับปรุงการดำเนินงาน
6.การบริหารจัดการความสัมพันธ์กับคู่ค้าธุรกิจ
7.การแจ้งเบาะแส และการรับเรื่องร้องเรียน
8.การสื่อสาร การบริหารห่วงโซ่อุปทาน
เกณฑ์การตรวจประเมินคู่ค้าสำคัญ
1.จัดทำแผนตรวจประเมินประจำปี
2.ดำเนินการตรวจประเมินตามแผน
3.จัดระดับคู่ค้าธุรกิจ
4.ออกใบร้องขอให้แก้ไข (ถ้ามี)
5.คู่ค้าธุรกิจส่งมอบแผนการดำเนินงานแก้ไข
6.คู่ค้าธุรกิจดำเนินการแก้ไขตามแผน
7.ติดตามการแก้ไข และทบทวนผล