call emergency

+88 036 656 99

toward net zero
our Commitment on
toward net zero
toward net zero
our Commitment on
toward net zero
ผลการดําเนินการพัฒนาอย่างยั่งยืน

บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด
และบริษัทในกลุ่มธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ

Heart Living Right

บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในกลุ่มธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ โดย ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด การเติบโตขององค์กรในมุมมองเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่องในระยะยาว มีกระบวนการวางแผน มีเป้าหมายที่ต้องการจะบรรลุที่ชัดเจน กระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพและรองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น พัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ที่นำไปสู่ความยั่งยืน ได้รับการยอมรับจากลูกค้า ปลูกฝังอยู่ในกิจกรรมของคนในองค์กรสื่อไปถึงตราสินค้าและผลิตภัณฑ์ขององค์กร เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ในการเป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจข้าวครบวงจร และเกษตรอุตสาหกรรม ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ พันธกิจ และนโยบายฯ จึงกำหนดเป้าหมายความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 12
การบริโภค และการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ

12.6 สนับสนุนให้บริษัทรับแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนไปใช้ และผนวกข้อมูลด้านความยั่งยืนลงในวงจรการรายงาน

SDG 16

ความสงบสุข ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง

16.5 ลดการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่และการรับสินบนทุกรูปแบบ

16.7 สร้างหลักประกันว่าจะมีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุม มีส่วนร่วม และมีความเป็นตัวแทนที่ดี ในทุกระดับการตัดสินใจ

16.B ส่งเสริมและบังคับใช้กฎหมายและนโยบายที่ไม่เลือกปฏิบัติเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

มุมมองของเรา

บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าการกำกับดูแลกิจการที่ดี เป็นปัจจัยสำคัญต่อบริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันและนำบริษัทฯ ไปสู่ความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ คู่ค้าและผู้มีส่วนได้เสียในระยะยาว การกำกับดูแลกิจการที่ดีนั้น แสดงให้เห็นถึงการมีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพโปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่า ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและความร่วมมือ จากพนักงานทุกระดับโดยมีคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงให้การส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้การกำกับดูแลกิจการเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

ความท้าทายประการแรกของบริษัทฯ คือการสร้าง ความเข้าใจและสื่อสารให้พนักงานให้ครบ 100 % ให้เห็นความสำคัญในการกำกับกิจการดูแลกิจการที่ดี นำไปสู่การสร้างให้เกิดเป็นวัฒนธรรมการประกอบ ธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และการปฏิบัติอยู่บนบรรทัดฐานเดียวกัน

เป้าหมายสู่ปี 2573

ธุรกิจได้รับการประเมินผลที่ได้รับการยอมรับ ของการดำเนินงานด้านการกำกับดูแลกิจการ 100%

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

การกำกับดูแลกิจการ

ร้อยละ 100

ของธุรกิจได้รับการประเมินผลที่ได้รับการยอมรับ ของการดำเนินงานด้านการกำกับดูแลกิจการ

นโยบายการกำกับดูแลกิจการ

มีระบบการประกาศ และติดตามการปฏิบัติตามนโยบาย

การบริหารความเสี่ยง

มีระบบการบริหารจัดการความเสี่ยง ERM และ E&C Risk

การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์

มีการติดตาม และรายงานผลการติดตามเป็นระยะพร้อมทั้งดำเนินการลงโทษทางวินัยกับกรณีการละเมิดกฎเกณฑ์

กระบวนการรับข้อร้องเรียน

มีกระบวนการรับข้อร้องเรียนและแจ้งเบาะแสของกลุ่มธุรกิจ

การกำกับดูแลกิจการ

แนวทางการบริหารจัดการ

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีความเชื่อมั่นว่าการกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการปฏิบัติตามข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (Governance, Risk Management and Compliance – GRC) เป็นรากฐานสำคัญที่จะนำพาให้องค์กรประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริหารและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยมีการจัดโครงสร้างการกำกับดูแลองค์กร การสื่อสารนโยบายสู่การปฏิบัติ การติดตามรายงานผลการดำเนินงาน และประเด็นความเสี่ยงที่มีประสิทธิผล มีการเชื่อมโยงข้อมูลของทั้งองค์กรอย่างเป็นระบบ โดยผู้บริหารและคณะกรรมการเป็นผู้ขับเคลื่อนที่สำคัญที่ทำให้เกิดการกำกับองค์กรที่ดี และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พนักงาน ซึ่งแนวทางการปฏิบัติจะสอดคล้องกับค่านิยมองค์กรในเรื่องคุณธรรมและความซื่อสัตย์ ทางบริษัทฯจึงได้มีการประกาศใช้นโยบายและแนวปฏิบัติเพื่อสร้างความตระหนักให้แก่ทุกคนในองค์กรยึดถือเป็นแนวปฏิบัติเดียวกันเพื่อให้เกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กร โดยมีโมเดลการกำกับดูแลโดยใช้การบริการจัดการแบบ Governance, Risk Management and Compliance โดยมีกระบวนการกำกับ ดังนี้

โครงสร้างการบริหารการกำกับดูแลกิจการ ธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ

กระบวนการดำเนินงานกำกับดูแลกิจการ

ระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ และธุรกิจข้าว ขนส่ง และบริการ

นโยบายและจรรยาบรรณธุรกิจ

  นโยบายและแนวปฏิบัติระดับเครือรวมถึงจรรยาบรรณธุรกิจเน้นการดำเนิน ธุรกิจอย่างรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อมและธรรมาภิบาลเพื่อเป็นแนวทางให้บุคลากรปฏิบัติงานตามหลักการบรรษัทภิบาลและมาตรฐาน จริยธรรม ทำให้การกำกับดูแลการกิจการของกลุ่มธุรกิจในเครือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นโยบายและแนวปฏิบัติระดับเครือมีการทบทวนประจำปี โดยเปรียบเทียบกับนโยบายของบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามแนวโน้มและมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการทั้งในระดับประเทศและระดับสากล

กระบวนการสื่อสาร และการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ

แนวทางการบริหารจัดการ

  เพื่อให้การดำเนินงานของธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ ไปเป็นตามหลักการกำกับดูแลกิจการ และมาตรฐานจริยธรรมอย่างยั่งยืน ธุรกิจจึงสร้างวัฒนธรรมองค์กรด้านจริยธรรมและการกำกับการปฏิบัติตามกฎกณฑ์ โดยได้จัดกิจกรรมในรูปแบบที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึงและสร้างการมีส่วนร่วมกับบุคลากรทั่วทั้งธุรกิจ

การปลูกฝังในองค์กร

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว อาหาร ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักดีว่าวัฒนธรรมองค์กรที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีจะช่วยสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนแก่พนักงาน ทำให้พนักงานสามารถนำวิสัยทัศน์ ค่านิยม ตลอดจนจรรยาบรรณธุรกิจ รวมถึงนโยบายไปปฏิบัติในการทำงานประจำวันให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยให้พนักงานทุกคนมีการเรียนรู้ และทดสอบจรรยาบรรณธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วย 4 หมวดคือ หมวดคุณธรรม หมวดคุณภาพ หมวดบุคลากร และหมวดสินทรัพย์

  ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ได้ปลูกฝังวัฒนธรรมการกำกับดูแลกิจการโดยมีการแบ่งปันวิสัยทัศน์ ความคิดเห็น และแนวทางการปฏิบัติที่เป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพราะเกี่ยวข้องกับวิธีการปฏิสัมพันธ์ของพนักงาน โดยจัดให้มีการอภิปรายกลุ่มเพื่อให้ผู้บริหารและพนักงานร่วมพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นการเน้นย้ำการปฏิบัติตน ให้เป็นไปตามค่านิยมแก่พนักงาน

การบริหารความเสี่ยง

  การบริหารความเสี่ยง เป็นภารกิจหนึ่งที่ทุกหน่วยงาน มีความจำเป็นจะต้องมีการดำเนินการเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจได้ปฏิบัติให้เกิดผลที่พึงประสงค์มากที่สุด การบริหารความเสี่ยง มีความสำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง            ในการป้องกันและควบคุมความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความสำเร็จขององค์กรโดยรวม

สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ

  • ความเสี่ยง ในภาพรวมของธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ มีการดำเนินการตามกรอบการบริหารความเสี่ยง โดยใช้หลัก ERM (Enterprise Risk Management) โดยมีการจัดตั้งคณะทำงงานในการคิด วิเคราะห์ และคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ หรือความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งการระบุแนวทางในการจัดการกับความเสี่ยงดังกล่าว ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือยอมรับได้ เพื่อช่วยให้องค์กรบรรลุในวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ตามกรอบวิสัยทัศน์ และพันธกิจขององค์กร

สำคัญต่อความยั่งยืนขององค์กร

  • ความเสี่ยงภาพรวมของธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียสำคัญขององค์กรคือเกษตรกร ซึ่งเป็นต้นน้ำของธุรกิจ จึงมีการกำหนดยุทธศาสตร์การสร้างงานและส่งเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกร เพื่อนสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 100,000 ครัวเรือน ภายในปี 2030 และส่งเสริมการทำเกษตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย Net zero carbon emissions นำไปสู่สร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและองค์กรในระยะยาว

การกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์

แนวทางการบริหารจัดการ

  ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมผู้บริโภค ส่งผลให้บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ ต้องปรับแนวทางในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสและการขยายธุรกิจให้เติบโตสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อย่างเหมาะสม บริษัทฯ มุ่งมั่นให้มีการดำเนินการตามกรอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิผล ทั้งนี้มีการดำเนินการตามเครือฯ โดยทำการประเมินองค์กรตามกรอบของ UN Global Compact ผ่านช่องทางออนไลน์ อีกทั้งบริษัทฯ ได้จัดตั้งหน่วยงานตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Compliance Audit) เพื่อดำเนินการตรวจสอบแบบข้ามสายงาน (Cross Functional Audit) รวมทั้งได้ร่วมมือกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์จัดอบรมให้กับระดับผู้บริหาร ซึ่งเป็นการแสดงถึงการสร้างความตระหนักรู้ ในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ด้านต่างๆ อาทิ ด้านสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติด้านแรงงาน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการต่อต้านคอร์รัปชัน รวมถึงจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมและโปร่งใส

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ ได้กำหนดเป้าหมายเรื่องการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่จะขับเคลื่อนบริษัทให้มีการบริหาร จัดการและการดำเนินธุรกิจตามนโยบายเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ กฎเกณฑ์ทั้งภายในและภายนอกองค์กร รวมไปถึงจรรยาบรรณธุรกิจของเครือฯ กฎระเบียบภายใน เงื่อนไขใบอนุญาตประกอบธุรกิจ สัญญา มาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ดี ซึ่งเครือฯ ยอมรับปฏิบัติตาม (รวมเรียกว่า‘กฎเกณฑ์’) อันจะส่งผลให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ได้รับความเชื่อถือและความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ โดยมีแนวปฏิบัติตามนโยบายที่กรรมการผู้บริหาร พนักงาน และผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคนของเครือฯ ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

การปรับปรุงกระบวนการตามมาตรฐานสากล Personal Data Protection Act (PDPA)

  เพื่อให้การกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของบริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว อาหาร ขนส่งและบริการ เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือของผู้มีส่วนได้เสียในระดับโลก บริษัทฯ จึงดำเนินการการตามกระบวนการการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยนำแนวทางที่เป็นที่ยอบรับในระดับสากลมาประยุกต์ใช้ เช่น

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 3

สุขภาพดี และสวัสดิภาพที่ดี

3.6 ลดจำนวนการตายและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน

SDG 5

ความเท่าเทียมทางเพศ

5.1 ยุติการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิง

SDG 8

ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างงาน

8.5 ส่งเสริมการจ่ายค่าตอบแทนสำหรับงานที่มีคุณค่าเท่าเทียมกัน

8.7 ยุติความเป็นทาสสมัยใหม่ การค้ามนุษย์ และการใช้แรงงานเด็ก

8.8 ปกป้องสิทธิแรงงานและส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย ครอบคลุมแรงงานต่างด้าว

SDG 10

ลดความไม่เสมอภาค

10.3 สร้างโอกาสที่เท่าเทียมและไม่มีการแบ่งแยก

10.7 รับผิดชอบและบริหารจัดการนโยบายด้านการอพยพเป็นอย่างดี

มุมมองของเรา

บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัดและบริษัทฯในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยเคารพกฎหมายท้องถิ่น วัฒนธรรม ประเพณี และค่านิยมในการปฏิบัติต่อพนักงานและผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท รวมถึงการหลีกเลี่ยงการมีส่วนเกี่ยวข้องในการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ความท้าทายประการสำคัญของ บริษัท ซี.พี.     อินเตอร์เทรด จำกัดและบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ คือความคาดหวังและข้อกำหนดของลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสีย มีในหลากหลายมุมมอง และแนวทางปฏิบัติ อีกทั้ง ประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่อุปทาน ในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการที่จะต้องมีการประเมินอย่างรอบด้าน

เป้าหมายสู่ปี 2573

กลุ่มธุรกิจมีการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากกิจกรรมขององค์กรและคู่ค้าโดยตรงที่มีความเสี่ยงสูงเป็นประจำ 100%

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

ประเมินประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน

ร้อยละ 100 ของกลุ่มธุรกิจได้รับการประเมินประเด็น ด้านสิทธิมนุษยชน จากกิจกรรมขององค์กร ในทุก 3 ปี

ประกาศความมุ่งมั่นที่จะเคารพสิทธิมนุษยชน 

ตามหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ

ผู้บริหารผู้หญิง

  • ร้อยละ 31.25 ของผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้หญิง
  • ร้อยละ 49.25 ของผู้บริหารระดับกลางเป็นผู้หญิง

พนักงานผู้พิการ (15 ท่าน)

ร้อยละ 83 ของ พนักงานทั้งหมดเป็นผู้พิการ

การบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชน

แนวทางการบริหารจัดการ

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว อาหาร ขนส่งและบริการ ได้ดำเนินการตามนโยบายได้จัดทำด้านสิทธิมนุษยชน ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการผลักดันและให้ความสำคัญกับนโยบายด้านสิทธิมนุษชนอย่างจริงจัง โดยมีผลบังคับใช้กับทุกหน่วยงานของบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ริเริ่มพัฒนากระบวนการตรวจสอบการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งประกอบด้วยการประเมินความเสี่ยงทางด้านสิทธิมนุษยชน การกำหนดแผนและ แนวทางการแก้ไขเพื่อลดความเสี่ยง รวมถึงการเฝ้าระวังและติดตามความเสี่ยงดังกล่าว บริษัทฯยังมุ่งมั่นผลักดันให้ภาคส่วนต่างๆ เคารพและผดุงไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชน โดยสนับสนุนการฝึกอบรมแนวปฏิบัติและมาตรการควบคุมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

  เพื่อให้มั่นใจว่าทุกกลุ่มธุรกิจมีการบริหารจัดการความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่อยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของตนอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันยังมุ่งเน้นการดําเนินการเชิงรุกเพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นกับการจ้างแรงงาน โดยมีนโยบายชัดเจนที่จะไม่กระทำหรือสนับสนุนให้มีการใช้แรงงานบังคับในทุกรูปแบบ รวมถึงการใช้แรงงานต่างด้าวอย่างผิดกฎหมาย

กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน

กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน

  นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างวัฒนธรรมการทำงานของพนักงาน ซึ่งมีความหลากหลายในด้านต่างๆ อาทิ อายุ เพศ วัฒนธรรม และบุคลิกภาพ เป็นต้น ให้มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน พร้อมกันนี้ เครือฯ ยังได้ให้ความสำคัญต่อการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงานและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งองค์กรมีจุดมุ่งหมายในการที่จะก้าวไปสู่การเป็นองค์กรที่ปลอดอุบัติเหตุ และโรคจากการทำงาน ผ่านการบูรณาการ ความร่วมมือในการดำเนินงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร

  นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับการดำเนินกระบวนการตรวจสอบการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนให้ครอบคลุมทุกบริษัทในกลุ่มธุรกิจ พร้อมทั้งส่งเสริมความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในที่ทำงานให้ครอบคลุมทั้งพนักงานและผู้รับเหมา

ผลการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน (HRIA)

ประเด็นสำคัญด้านสิทธิมนุษยชนของ บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด ฯ

มาตรการจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

การเลือกปฏิบัติ

ผลกระทบสิ่งแวดล้อม

การดูแลบุคลากร

“บุคลากร” นับเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจบริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ จึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเรื่อง “คนดี คนเก่ง” ด้วยกระบวนการสรรหา และคัดเลือกที่มีประสิทธิภาพ โดยมีระบบการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนการเรียนรู้แบบรอบด้าน เพิ่มและยกระดับความรู้ทักษะอยู่ตลอดเวลา ให้เวทีในการแสดงศักยภาพ ให้โอกาสในการเติบโตก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และสร้างความผูกพัน (Engagement) กับพนักงานในทุก ๆ ระดับรวมทั้ง การนำเทคโนโลยี IT เข้ามาใช้ในการปฏิบัติงานและพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน โดยเริ่มจากการสำรวจหลักสูตรการอบรมที่สอดคล้องกับตำแหน่งงาน และความต้องการฝึกอบรม จัดทำแผนการอบรม มีระบบบันทึกประวัติการฝึกอบรม นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้พนักงาน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ มีโอกาสเติบโตในสายอาชีพอย่างเท่าเทียมกัน และมีโอกาสในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

1.

การสร้างสังคม

การทำงาน

•การให้คุณค่ากับพนักงาน เอาใจใส่ในความสามารถมอบหมายงานที่มีคุณค่าและท้าทาย

•ทำให้คนในองค์กรเข้าใจในบทบาทของตนเอง ปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานด้วยความเคารพ เข้าใจในความแตกต่างยอมรับนับถือและสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในทีมงาน

•สนับสนุนให้เกิดกลุ่มชมรมตามความสนใจ เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน

•ส่งเสริมให้คนในองค์กรมีน้ำใจ เอื้ออาทรต่อกัน เอาใจใส่ซึ่งกันและกันทั้งในงานและนอกงานรวมถึงการแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และอื่น ๆ ไปให้ผู้ที่ต้องการอย่างเหมาะสม สร้างความรู้สึกการเป็นครอบครัวเดียวกัน

2.

การดูแลจิตใจและจิตวิญญาณ

•ส่งเสริมให้เกิดคุณธรรมในจิตใจ

•ส่งเสริมการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ (Mindfulness)

•ส่งเสริมความกตัญญูกตเวที (รู้คุณและตอบแทนคุณ)

3.

การสร้างความมั่นคงในชีวิต

•สนับสนุนให้พนักงานมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง สมบูรณ์

•สนับสนุนให้คนใช้ “ความมีเหตุผล ความพอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน ใช้ความรู้ คู่คุณธรรม” เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตและครอบครัว

•ขยายผลแนวทางการสร้างความมั่นคงในชีวิตไปสู่ครอบครัวและชุมชนของคนในองค์กร

การส่งเสริมโอกาสที่เท่าเทียมความหลากหลายของบุคคลและการเป็นอยู่

บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว อาหาร ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้ความสำคัญกับการเห็นคุณค่าและยอมรับในความแตกต่างของเพื่อนพนักงาน ไม่เลือกปฏิบัติกับพนักงานที่มีวัฒนธรรมและภูมิหลังแตกต่าง เป็นการส่งเสริมพนักงานให้มีความรับผิดชอบในหน้าที่อย่างเต็มที่ มีความพึงพอใจและขวัญกำลังใจเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นำไปสู่การเติบโตในสายอาชีพ ทั้งหมดนี้จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ส่งผลให้การตัดสินใจในองค์กรมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นการเปิดโอกาสให้องค์กรแลพนักงานสามารถเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้

  • ใช้ภาษาหรือสำนวนที่เป็นกลาง ไม่แบ่งแยกทางเพศในการจัดทำเอกสารต่างๆ
  • ใช้กฎระเบียบและวิธีปฏิบัติในสถานที่ทำงานที่ให้ความคุ้มครองพนักงานทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติ
  • ไม่กีดกันกลุ่มบุคคลที่หลากหลายในการเสนอข้อคิดเห็นในการทำงาน เพื่อให้ได้เห็นมุมมองที่มีความแตกต่างกัน
  • มีช่องทางการสื่อสารที่เปิดให้พนักงานแสดงความคิดเห็นหรือร้องเรียนเมื่อถูกเลือกปฏิบัติ

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 4

คุณภาพการศึกษา

4.5   ขจัดความเหลื่อมล้ำในการศึกษาทุกรูปแบบ

4.B   ขยายจำนวนทุนการศึกษาสำหรับการศึกษาทุกรูปแบบสำหรับประเทศกำลังพัฒนา

SDG 8

งานที่เหมาะสม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ

8.6   ส่งเสริมเยาวชนให้มีงานทำ มีการศึกษา และได้รับการฝึกอบรม

SDG 9

อุตสาหกรรม นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

9.C   เพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยีด้านข้อมูลการสื่อสารโดยถ้วนหน้า

มุมมองของเรา

บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เน้นนวัตกรรมเทคโนโลยีกลายเป็นพื้นฐานสำคัญของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการศึกษา รวมถึงการยกระดับทักษะที่มีความจำเป็นเพื่อการทำงานในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก โดยเน้นการเป็นองค์กรตัวอย่าง การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของนวัตกรรมเทคโนโลยีส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำหลายด้านทั่วโลก เช่น ด้านการศึกษาและด้านความมั่นคงในอาชีพ เป็นต้น ดังนั้นการส่งเสริมและพัฒนาโครงสร้างการศึกษาขั้นพื้นฐาน (Quality Basic Education) การยกระดับรูปแบบการเรียนรู้ที่สามารถเกิดขึ้ได้อย่างต่อเนื่องในทุกช่วงอายุ (Lifelong Learning Pathways) การใช้นวัตกรรมเพื่อการศึกษา (Education Innovation)

เป้าหมายสู่ปี 2573

จำนวนประชาชนทุกเพศทุกวัยที่ได้รับการสนับสนุนโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและเสริมทักษะ 100,000 คน

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

19,903 คน

เด็ก เยาวชนและผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาและพัฒนาทักษะที่จำเป็น

48 โรงเรียน

ได้รับการส่งเสริมการศึกษา และสนับสนุนความยั่งยืน

153  ทุน

จำนวนทุนการศึกษาที่สนับสนุนโดยบริษัทในกลุ่มธุรกิจฯ

การบริหารจัดการด้านการศึกษา

แนวทางการบริหารจัดการ

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว อาหาร ขนส่งและบริการ เชื่อมั่นว่าการสร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม ด้านการศึกษาและการสร้างโอกาสการเข้าถึงองค์ความรู้ คือการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนและผู้ใหญ่ทุกวัย สร้างความพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านต่างๆ ลดความเหสื่อมล้ำและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย บริษัทฯนำเอา 5 ยุทธศาสตร์หลัก ของเครือเจริญโภคภัณฑ์มาเป็นแนวปฏิบัติเพื่อการยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการการศึกษา ไทยอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับแรงผลักตันการพัฒนาระดับมหภาค (Mega Trend) คือการเปิดเผยข้อมูลสถานศึกษาสู่สาธารณชนเพื่อความโปร่งใส การสร้างเสริมกลไกตลาดและวัฒนธรรม การมีส่วนร่วม การพัฒนาผู้บริหาร สถานศึกษาและ ครูผู้สอน การสร้างคุณค่และหลักสูตรที่ยึดเป็นศูนย์กลางและการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ของสถานศึกษาบริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (UN SDGs) จึงมีแผนการปฏิบัติการงานที่สอดคล้องกับ UN SDGsในระดับเป้าหมายย่อย (Targets) เน้นการขจัดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา การเปิดโอกาส ขยายการเข้าถึงส่งเสริมศักยภาพของทั้งผู้เรียนและผู้สอน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนของทุกฝ่าย

  บริษัทฯ สร้างและสนับสนุนการศึกษาผ่านโครงการที่สำคัญในระดับประเทศ ทั้งการสนับสนุนโอลิมปิกวิชาการมาอย่างต่อเนื่องตลอด 19 ปี โครงการพัฒนาเยาวชนสู่ความยั่งยืน ซึ่งเป้าหมายคือการเป็นองค์กรต้นแบบให้เยาวชนได้มีโอกาสเรียนรู้ และพัฒนา ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการบริหารห่วงโซ่อุปทาน โดยการมุ่งเน้นและให้ความสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกร ผู้ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัตถุที่มีคุณภาพให้กับกลุ่มธุรกิจ อีกทั้งการให้ความสำคัญกับพนักงาน ผู้ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญ  ในการทำให้ธุรกิจดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน โดยการสร้างองค์ความรู้ที่จำเป็นให้กับพนักงานทุกระดับ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนของทุกฝ่าย

กรอบการดําเนินงานด้านการศึกษา

CASE STUDY

ผู้นำเยาวชนสู่ความยั่งยืน

  มอบข้าวตราฉัตร ภายใต้โครงการ “ผู้นำเยาชนสู่ความยั่งยืน” (Young Leadership Development) เพื่อสนับสนุนให้นิสิต/นักศึกษาออกค่ายอาสา ส่งเสริมการช่วยเหลือสังคม ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้ทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ

CASE STUDY

สนับสนุนแชมป์โลก แบดมินตันชายเดี่ยว คนแรกของประเทศไทย

ข้าวตราฉัตร สนับสนุนแชมป์โลก แบดมินตันชายเดี่ยว คนแรกของประเทศไทย

คุณประสิทธิ์  ดำรงชิตานนท์ รองประธานกรรมการ ธุรกิจพืชครบวงจร ข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารข้าวตราฉัตร ร่วมแสดงความยินดี วิว/กุลวุฒิ วิทิตศานต์ แชมป์โลกแบดมินตัน ชายเดี่ยวคนแรกของประเทศไทย

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 4

คุณภาพการศึกษา

4.4   เพิ่มจำนวนประชากรที่มีทักษะ ที่จำเป็นด้านการเงิน

4.7   การศึกษาสำหรับการพัฒนา อย่างยั่งยืนและการเป็นพลเมืองของโลก

SDG 5

ความเท่าเทียมทางเพศ

5.5   สร้างหลักประกันว่าผู้หญิง จะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการเป็นผู้นำและการตัดสินใจ

SDG 17

ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

17.6   แบ่งปันความรู้ และความร่วมมือสำหรับการเข้าถึงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม

มุมมองของเรา

บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ ปรับตัวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในยุค 4.0 อย่างสม่ำเสมอ โดยบริษัทฯ มีการกำหนดพันธกิจ วิสัยทัศน์ ทิศทาง และกลยุทธ์ รองรับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถของ “บุคลากร” เป็นหัวใจหลัก บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ ให้ความสำคัญกับการสร้างความพร้อมของบุคลากรเพื่อการรับมือการปรับเปลี่ยนต่างๆ ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัทฯ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลก

ความท้าทาย คือ การสร้างความผูกพันและช่องทางในการมีส่วนร่วมให้กับพนักงานในทุกระดับที่เพิ่มจำนวนขึ้น เพื่อรักษาบุคลากรที่มีความสามารถให้อยู่ร่วมกับบริษัทฯ ก้าวเป็นผู้นำรุ่นใหม่ สะสม ร่วมเรียนรู้ และเติบโตไปกับบริษัทฯประสบการณ์

เป้าหมายสู่ปี 2573

ของพนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมและมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือโครงการด้านความยั่งยืนประจำทุกปี 100%

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

ผู้นำและพนักงาน
ร้อยละ 100 ผ่านการอบรมพัฒนาความรู้และความเข้าใจด้านความยั่งยืน

ชั่วโมงการฝึกอบรมพนักงาน
4.57 ชั่วโมง/คน/ปี

ค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมพนักงาน
8,872,849.04 บาท /ปี

 

การบริหารบุคลากร

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว อาหาร ขนส่งและบริการ เชื่อว่า ‘บุุคลากรทุุกคน’ ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุุด และเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันการดำเนินงานให้สำเร็จตามปณิธานที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะในปัจจุุบันที่กลุ่มธุรกิจฯ มุ่งพัฒนาธุุรกิจให้เติบโตและขยายการลงทุุนไปทั่วโลก นำมาซึ่งความท้าทายในการสร้าง ‘ผู้นำรุ่นใหม่’ เพื่อมาสานต่อค่านิยมขององค์กร ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมบุุคลากรให้มีความรู้ทักษะที่จำเป็น และมีทัศนคติที่พร้อมรับมือและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงส่งเสริมการสร้างประสบการณ์ให้พนักงานมีความภาคภููมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจฯ

  ในการนี้กลุ่มธุรกิจฯ ได้ดำเนินการตาม ‘กลยุุทธ์ด้านทรัพยากรบุุคคลของเครือฯ Workforce 4.0’ ขับเคลื่อนด้วย 6 ค่านิยมเครือฯ ข้อมููลดิจิทัล และเทคโนโลยี ประกอบด้วย 5 กลยุุทธ์หลัก เน้นการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ผ่านการเรียนรู้จริง โดยมีสถาบันผู้นำ เครือฯเป็นศููนย์กลาง สร้างระบบนิเวศการบริหารจัดการทรัพยากรบุุคคล ซึ่งครอบคลุุม การสรรหาคนดีคนเก่ง การเรียนรู้จากที่ปรึกษาระดับโลกในด้านต่างๆ การพัฒนาและวางแผนทางอาชีพคนดี คนเก่งของเครือฯ และปรับองค์กรให้เป็นองค์กรที่มีโครงสร้างแบบยืดหยุ่น ให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของธุุรกิจและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนช่องว่างความแตกต่างทางยุุคสมัยของคน

แนวทางการบริหารบุคลากร

แนวทางการดำเนินงาน การพัฒนาผ่านหลักสูตรพัฒนาผู้นำ

      การพัฒนาบุคลากรของบริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว อาหาร ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มุ่งเน้นการสร้างผู้นำในทุกระดับ โดยมีสถาบันผู้นำเครือเป็นศูนย์กลาง โดยมีการจัดหลักสูตรที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วม ซึ่งทุกหลักสูตรจากการพัฒนาจากการปฏิบัติจริง เน้นการดำเนินโครงการผ่านการเรียนรู้ ลงมือปฏิบัติจริงเป็นการข้ามสายงาน และเป็นการแก้ปัญหาทางธุรกิจจริงต้องตัดสินใจ และเรียนรู้จากผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง

โครงการยุทธศาสตร์เชิงปฏิบัติการ

โครงการยุทธศาสตร์

เชิงกลยุทธ

ภาพรวมของหลักสูตร

หลักสูตรแรกสำหรับพนักงานรุ่นใหม่ที่มีความสารถ (Young Talents)ในเครือฯ ทั้งไทยและต่างประเทศ มุ่งการสร้างผู้นำที่ครบเครื่องในแบบฉบับของเครือฯ

หลักสูตรพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ที่พิสูจน์ศักยภาพความเป็นผู้นำของตนเองแล้ว มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจ บริหารจัดการครบวงจรในขอบเขตที่รับผิดชอบสร้างรายได้และผลกำไรให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

หลักสูตรพัฒนาผู้นำระดับปฏิบัติการ ให้สามารถบริหาร จัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ มุ่งเน้นการปฏิรูปกระบวนการ ทำงานให้รวดเร็ว มีคุณภาพ ผนึกกำลังข้ามสายงานและใช้ ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

หลักสูตรมุ่งเน้นการยกระดับ

และพัฒนาเครือฯ อย่างยั่งยืนผ่านการวางแผนและ              ทำโครงการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อขยายผลวิสัยทัศน์เครือฯ สู่การปฏิบัติการ

คุณสมบัติผู้เข้าอบรม

นักศึกษาจบใหม่และ Young

Talents จากกลุ่มธุรกิจ

ผู้ผ่านหลักสูตร FLPและพนักงานจากกลุ่มธุรกิจ

ผู้จัดการและผู้บริหารระดับ

กลาง

ผู้บริหารระดับสูง

ผู้สนับสนุนโครงการ

CEO และ CEO-1

CEO และ CEO-1

CEO และ CEO-1

CEO และประธานเครือฯ

CASE STUDY

อบรมหลักสูตรผู้จัดการโรงงาน

          📍เปิดโอกาสผู้นำรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 สำนักบริหารความยั่งยืนธรรมาภิบาลและกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ธุรกิจพืชครบวงจร ข้าว ขนส่งและบริการ จัดอบรมหลักสูตรผู้จัดการโรงงานรุ่นที่ 2 ประจำปี 2566 ที่โรงงานข้าวนครหลวง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรรุ่นใหม่ โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และมีความรู้ประสบการณ์ในด้านที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย คุณอดิศักดิ์ ประมวลมิตรา รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ, คุณอภิชาติ อินทร์ชูพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจพืชครบวงจร และคุณธรรมวิทย์ ศรีเกริกกริช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายผลิตข้าว ร่วมกันถ่ายทอดกลยุทธ์ และเทคนิคการดำเนินงาน ตลอดจนรับฟังปัญหาอุปสรรคต่างๆ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เข้ารับการอบรมทั้ง 31 ท่านจากกิจการพืชครบวงจร ข้าว ขนส่งและบริการ ทั้งในส่วนของโรงงานปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ข้าว, ข้าวโพด, โรงงานยางพารา, โรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าว, โรงสีข้าวและโรงงานผลิตปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์

  ทั้งนี้ ธุรกิจพืชครบวงจร ข้าว ขนส่งและบริการให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพ และสนับสนุนให้บุคลากรรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ทักษะด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับเรียนรู้กลยุทธ์ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานกับผู้บริหารระดับสูง ด้วยตระหนักดีกว่าการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย ผู้นำรุ่นใหม่นอกจากจะต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีต่างๆแล้ว ควรมีความยึดหยุ่นและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ตลอดจนสามารถทำงานเป็นทีม จึงจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 4

คุณภาพการศึกษา

4.4   เพิ่มจำนวนเยาวชนและผู้ใหญ่ที่มีทักษะที่จำเป็นรวมถึงทักษะทางเทคนิคและอาชีพ

SDG 16

ความสงบสุข ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง

16.10 สร้างหลักประกันว่าสาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและมีการปกป้องเสรีภาพขั้นพื้นฐาน โดยเป็นไปตามกฎหมายภายในประเทศ และความตกลงระหว่างประเทศ

มุมมองของเรา

บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทฯในกลุ่มธุรกิจข้าว ขนส่ง และบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มุ่งมั่นในการดำเนินงานครอบคลุมถึง เทคโนโลยี กระบวนการ และแนวทางปฏิบัติที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องเครือข่าย อุปกรณ์ โปรแกรมและข้อมูล จากการ โจมตี หรือการเจตนาเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อปกป้องทรัพย์สินของธุรกิจจากภัยคุกคามทั้งหมดจากการโจมตี ทางไซเบอร์ รวมไปถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานและลูกค้า โดยมีเป้าหมายให้กลุ่มธุรกิจได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูล

เป้าหมายสู่ปี 2573

ทุกกลุ่มธุรกิจได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูล 50%

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

อบรมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

ร้อยละ 100 ของพนักงานทั้งหมดได้รับการฝึกอบรม หรือสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ 

การประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

ร้อยละ 100 ช่องทางการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทฯได้รับการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

แนวทางการบริหารจัดการด้านความมั่นคงและความปลอดภัยทางไซเบอร์

  การดำเนินงานด้านความมั่นคงและความปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับองค์กรใดๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูล การละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือการถูกโจมตีจากผู้ไม่หวังดี บริษัทของเราได้มีแนวทางการบริหารจัดการในด้านนี้อย่างเป็นระบบ โดยพิจารณาจากลักษณะของธุรกิจและความต้องการของลูกค้า

แนวทางการบริหารจัดการของเราประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้

แนวทางความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการปกป้องข้อมูล

  เพื่อการสร้างความมั่นคงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ การจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่องค์กรให้ความสำคัญกับข้อบกพร่องของระบบ แนวโน้มภัยคุกคามและการโจมตีที่สำคัญที่สุดต่อธุรกิจก่อน

  กรอบการทำงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity framework) ของสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยี (NIST) เป็นหนึ่งในกรอบการทำงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งเป็นที่นิยมใช้อย่างมากในปัจจุบัน frameworkดังกล่าวยังเป็นที่แพร่หลายไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก รวมไปถึงประเทศไทย หลายองค์กรเริ่มนำ Frameworkนี้ประยุกต์ใช้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ Framework นี้รวบรวมเอาแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดอันหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยให้ธุรกิจองค์กรสามารถกำหนดแนวทางบังคับใช้งาน และปรับปรุงแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัย

NIST Cyber Security Framework Functions ช่วยให้สามารถสร้างกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิผล โดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น 5 ขั้นตอน ได้แก่ Identify, Protect, Detect, Respond, Recover

Origin: NIST-Framework-Visual-with-Functions-and-Categories(expertip.net)

IDENTIFY

การระบุช่วยในการพัฒนาความเข้าใจในธุรกิจและองค์กรเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงต่อระบบ บุคคล สินทรัพย์ ข้อมูล และความสามารถ วัตถุประสงค์หลักเพื่อระบุบุคคล กระบวนการ หรือระบบทั้งหมดที่อาจเสี่ยงต่อภัยคุกคามประเภทนี้

PROTECT

การป้องกันสนับสนุนความสามารถในการจำกัดหรือควบคุมผลกระทบของภัยคุกคาม วัตถุประสงค์หลักเพื่อจำกัดการคุกคามของการโจมตีได้อย่างไรโดยการกำจัดหรือปิดช่องโหว่

DETECT

การตรวจจับกำหนดกิจกรรมเพื่อระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม วัตถุประสงค์หลักเพื่อหากไม่สามารถหยุดการคุกคามได้ จะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และธุรกิจและองค์กรกำลังประสบกับอันตรายทางภัยคุกคามทางไซเบอร์

RESPOND

การตอบสนองรวมถึงกิจกรรมที่เหมาะสมเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์เพื่อลดผลกระทบ วัตถุประสงค์หลักเพื่อตระหนักถึงภัยคุกคาม ป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นเพิ่มเติม ความเสียหายต่อชื่อเสียง หรือการละเมิดความเป็นส่วนตัว

RECOVER

การการกู้คืนประกอบด้วยการระบุกิจกรรมที่เหมาะสมเพื่อรักษาแผนสำหรับความยืดหยุ่นและเพื่อกู้คืนบริการที่บกพร่องระหว่างเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น วัตถุประสงค์หลักเพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นกลับสู่ในสภาพที่เท่าเทียมหรือดีกว่าก่อนเกิดเหตุ

INFORMATION SECURITY : PERSONNEL MANAGEMENT INFORMATION

  ธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ คำนึงถึงความสำคัญของการบริหารข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของพนักงานในทุกระดับ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จากผู้ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องการขอข้อมูล การเก็บข้อมูล การส่งต่อข้อมูล และการทำลาย สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาล และกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ จึงได้ดำเนินการดังต่อไป

  1. Workshop เพื่อให้ดวามรู้กับพนักงาน ในหัวข้อ การเตรียมพร้อมรองรับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แต่ละหน่วยงานรับทราบ บทบาท และวิธีการรับมือ กรณีต่างๆตาม พรบ. รวมถึงชี้แจงเรื่องดังนี้
  • แนวทาง การจัดการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณี ลูกค้า หรือพนักงานใช้สิทธิ์ ตามพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • แนวทางการจัดการกรณี ข้อมูลส่วนบุคคลถูกละเมิด หรือรั่วไหล
  1. บริษัทจัดอบรมความรู้และทำแบบทดสอบ PDPA ประจำปีให้กับพนักงานทุกคน ผ่านระบบ online ของเครือฯ
  2. ออกแบบแนวปฏิบัติ PDPA เรื่อง Data Subject Request / Data breach สำหรับใช้ภายในองค์กร

CASE STUDY

CYBER SECURITY OPERATION FOR CONTINUOUS PROTECTION

  เทคโนโลยีและระบบสารสนเทศ เป็นเครื่องมือสำคัญต่อการขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กรให้มีความก้าวหน้าและรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจและองค์กรเหล่านั้นต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Threats) ที่มากขึ้น การเฝ้าระวังความมั่นคงปลอดภัยต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ จึงมีบทบาทที่สำคัญต่อธุรกิจและองค์กรเป็นอย่างมาก บริษัทจึงให้ความสำคัญต่อการเฝ้าระวังความมั่นคงปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมถึง บุคลากร กระบวนการ และเครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาใช้

  บริษัทมีศูนย์ปฏิบัติการด้านความมั่นคงปลอดภัย (Security Operation Center: SOC) ซึ่งพร้อมตรวจจับและเฝ้าระวังภัยคุกคามบนระบบเครือข่ายและเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กรแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยคอยดูแล วิเคราะห์ และทำการแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ หรือค้นพบช่องโหว่ใหม่ ๆ รวมไปถึงแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงทีก่อนที่เหตุการณ์จะลุกลามบานปลาย

  Cyber Security Operation เป็นการดำเนินการต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง เพื่อให้สามารถติดตามและป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่หวังดีได้อย่างได้ผล เพื่อให้ข้อมูลและสินทรัพย์ขององค์กรมีความปลอดภัยสูงสุด บริษัทมีทีมงานที่มีความรู้และประสบการณ์ในการจัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ และใช้เครื่องมือที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การดำเนินการของ Cyber Security Operation เป็นไปอย่างมีประสิทธิผล และเป็นไปตามมาตรฐานสากล

Health Living Well

          บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด  และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของความยั่งยืนด้านสังคม โดยดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดการพัฒนาพนักงานและสังคมให้เชื่อมโยงกับมิติทางเศรษฐกิจขององค์กร โดยให้สิทธิและโอกาสที่จะได้รับการดูแลและผลประโยชน์ที่เป็นธรรม กระตุ้นให้พนักงานเห็นคุณค่าของการทำงานและเกิดความซื่อสัตย์ต่อองค์กร มีช่องทางการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสีย มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ มีระบบการจัดการมีสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย  สร้างสังคมรอบข้างให้เป็นสังคมที่มีคุณภาพ ได้รับการยอมรับจากสังคมและชุมชนในการประกอบการ ปลูกฝังอยู่ในกิจกรรมของคนในองค์กรสื่อไปถึงตราสินค้าและผลิตภัณฑ์ขององค์กร เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ในการเป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจข้าวครบวงจร และเกษตรอุตสาหกรรม ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ พันธกิจ และนโยบายฯ จึงกำหนดเป้าหมายความยั่งยืนด้านสังคม

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 2

ยุติความยากจน

2.1   การเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและความปลอดภัยที่เป็นระดับสากล

2.2   ยุติภาวะทุพโภชนาการทุกรูปแบบ

SDG 3

สุขภาพดีและสวัสดิภาพที่ดี

3.4   ลดการตายจากโรคไม่ติดต่อ

และสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดี

3.B   สนับสนุนการวิจัย, การพัฒนา และให้มีการเข้าถึงยาและวัคซีนในราคาที่สามารถซื้อหาได้ในระดับสากล

มุมมองของเรา

บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ มีความตั้งใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และผลักดันโครงการเพื่อส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภค โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ข้าว ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท โดยอ้างอิงตามแนวทางเพื่อสุขภาพของประเทศไทยและสากล โดยใช้ศักยภาพและทรัพยากรของบริษัทฯ และกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียในการสร้างสรรค์ เน้นการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาวะของประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่2 และ3 มุ่งเน้นขจัดความหิวโหยและส่งเสริมการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

เป้าหมายสู่ปี 2573

ยอดขายที่มาจากผลิตภัณฑ์และบริการ ทั้งแบบ B2B และ B2C ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ดี 50%

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

สินค้าที่มีความปลอดภัยทางด้านอาหาร

ร้อยละ 100 ของสินค้าทั้งหมด

การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด มุ่งมั่นทุ่มเทในการคิดค้น และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและส่งเสริมสุขภาวะที่ดีขึ้นของผู้บริโภค รวมทั้ง นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ผ่านการวิจัยและพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยี ด้านอาหารที่ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล โดยการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหาร ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะ ส่งเสริมให้นักวิจัยและพัฒนาอาหารมีความคิดสร้างสรรค์ และแสดงศักยภาพในการ ทดลองผลิตสินค้าใหม่ อีกทั้งยังเป็นการเน้นย้ำ ความมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาอาหารมนุษย์ ด้วยทีมงานวิจัยที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของร่างกายที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัย และคิดค้น นวัตกรรมอาหารเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิต ที่ดีของผู้บริโภคโดยมีโรงงานต้นแบบที่สามารถทดลองและพัฒนาการผลิตสินค้า ตอบสนองความต้องการของตลาดได้ทันที

 

  บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและ    สุขภาวะที่ดีขึ้น เนื่องจากแนวโน้มในการรับประทานอาหารโดยผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภค หันมาให้ความสำคัญกับคุณประโยชน์หรือสารอาหารเป็นอันดับแรกๆ โดยบริษัทฯได้ทำการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีศูนย์การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่ที่ อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ข้าว กข 43 “ สุขภาพดีได้ทุกมื้อ ”

  ปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่ ใส่ใจในเรื่องการกินมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของหวานของมัน ของคาว ก็มักจะเลือกสินค้าที่มีน้ำตาลค่อนข้างน้อย เพื่อสุขภาพของตัวเองและคนที่รัก

  ข้าวฉัตรไลท์ จึงตอบโจทย์ ในการเลือกที่สุด เปรียบเหมือน ในตอนที่เราสั่งกาแฟหวานน้อย ข้าวฉัตรไลท์ จึงเป็น “ข้าวหวานน้อย” ที่มีค่าดัชนีน้ำตาล ปานกลางค่อนข้างต่ำ เหมาะกับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและเหมาะกับมอบให้คนที่คุณรัก เพราะเป็นข้าวที่นุ่ม น้ำตาลน้อยแต่ยังคงความอร่อยสไตล์หอมมะลิ

ผลิตภัณฑ์ “ข้าวตราฉัตร” ยอดนิยม

“ข้าวตราฉัตร” โชว์ศักยภาพผู้นำด้านการผลิตและส่งออกข้าวไทยสู่ระดับโลก

ตอกย้ำมาตรฐานคุณภาพสินค้าและการบริการที่ผู้บริโภคทั่วโลกมั่นใจและ

ให้การยอมรับมาโดยตลอด

  ข้าวตราฉัตร (Royal Umbrella) ตอกย้ำคุณภาพมาตรฐาน การเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกข้าวไทยสู่ระดับโลก ในงาน “THAIFEX – ANUGA ASIA” งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชียที่จัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์  ณ ศูนย์การประชุม อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี โดยมีคุณฐิติ  ลุจินตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด ให้การต้อนรับนักธุรกิจและคู่ค้า จากต่างประเทศ อาทิ เซเนกัล สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ (ไอวอรีโคสต์) บรูไน ดารุสซาลามซาอุดีอาระเบีย อิรัก คูเวต สหรัฐอเมริกา แคนาดา เบลเยียม อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร สิงค์โปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย จีน ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเจรจาการค้าระหว่างผู้ส่งออกไทยและผู้ซื้อจากทั่วโลก เพิ่มโอกาสการเจรจาทางธุรกิจและขยายตลาดนำเสนอสินค้าข้าวไทยให้เป็นที่รู้จักนานาประเทศทั่วโลก

 

          ปีนี้ ข้าวตราฉัตร ยังคงตอกย้ำมาตรฐานคุณภาพสินค้าและการบริการที่ผู้บริโภคทั่วโลกมั่นใจและให้การยอมรับมาโดยตลอดผ่านการยืนยันด้วยรางวัลระดับโลกที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่อง

CASE STUDY

มหกรรมอาหาร C.P. FOOD FAIR 2023

        เครือเจริญโภคภัณฑ์ นำโดย CEO ศุภชัย เจียรวนนท์ ดร.อาชว์ เตาลานนท์    รองประธานอาวุโส และคณะผู้บริหารระดับสูง  ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธ ข้าวตราฉัตร  ภายในงาน C.P. FOOD FAIR 2023 มหกรรมอาหาร เครื่องดื่มและสินค้าเครือเจริญโภคภัณฑ์ “โชว์ ชม ชิม ช้อป” ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เทศกาลลอยกระทง” ในวันที่ 26 พ.ย. 66 โดยมี คุณฐิติ ลุจินตานนท์ ประธานผู้บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการ ให้การต้อนรับ ณ สถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

 ข้าวตราฉัตร ร่วมออกบูธภายใต้แนวคิด

“ที่สุดแห่งความอร่อย 2 สไตล์”  ให้ผู้บริโภคเลือกข้าวหอมมะลิแบบที่ตนเองชอบ

🍚สไตล์แรก ข้าวหอมมะลิใหม่ตราฉัตร  ” หอม นุ่ม เหนียว ตลอดปี ” นำเสนอ เมนู ไก่เบญจาเทอริยากิ

🍚สไตล์ที่สอง ข้าวตราฉัตรทอง  ” หอม นุ่ม หุงสวย เป็นเมล็ด ” นำเสนอ เมนู ข้าวผัดกุ้ง ธัญพืชกระทงทอง

 

ข้าวชาวนาไทย ปีที่ 5

  ข้าวตราฉัตรและบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเติบโตเคียงคู่สังคมยั่งยืน อย่างต่อเนื่องกับโครงการ “ข้าวชาวนาไทย” ปีที่ 5 ผนึกกำลังธุรกิจในเครือเจริญโภคภัณฑ์ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว สนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ ผ่านโครงการ “ข้าวชาวนาไทย” ปีที่ 5 ข้าวหอมมะลิคุณภาพรับซื้อจากเกษตรกรโดยตรง นำเข้ากระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานจากโรงงานปรับปรุงคุณภาพและบรรจุถุงภายใต้แบรนด์ “ข้าวชาวนาไทย” พร้อมส่งต่อรอยยิ้มจากชาวนาสู่ทุกๆจาน

  ช่องทางจำหน่าย เซเว่นอีเลฟเว่น โลตัส แม็คโคร นำศักยภาพของธุรกิจในเครือ ผลิตและจัดจำหน่าย ข้าวชาวนาไทย ขนาด 5 กิโลกรัม ราคาเพียง 189 บาท เท่านั้น ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม นี้ เป็นต้นไป จึงอยากเชิญชวนผู้บริโภค มาทดลองชิมข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดูที่มาจากชาวนาโดยตรง เก็บเกี่ยวทุกรอยยิ้ม ทุกคำมีความหมาย สร้างรอยยิ้ม ความสุข และความภูมิใจให้ชาวนาไทย

งานรณรงค์บริโภคข้าวไทย  “เด็กไทย กินข้าวไทย”

  งานรณรงค์บริโภคข้าวไทย “เด็กไทย กินข้าวไทย” ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธานในพิธี กล่าวเปิดงาน โดยมีคุณยงยุทธ พฤกษ์มหาดำรง รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารข้าวตราฉัตร และดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย ได้เข้าร่วมพิธีเปิดงาน และร่วมมอบรางวัลกิจกรรม ประกวดหุงข้าวจากน้องๆ โรงเรียนที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ แถมข้าวตราฉัตรยังมีเมนูพิเศษไอศกรีม ที่ทำจากข้าวหอมใหม่ตราฉัตร มาฝากกันด้วยจ้า

  จัดโดย กรมการค้าภายใน ร่วมกับ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 บริเวณชั้น 4 โซน A ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 1

ยุติความยากจน

1.2   ลดความยากจนอย่างน้อย 50%

1.4   สิทธิเท่าเทียมกันในการเป็นเจ้าของบริการขั้นพื้นฐาน เทคโนโลยี และทรัพยากรทางเศรษฐกิจ

SDG 4 

คุณภาพการศึกษา

4.4   เพิ่มจำนวนประชาชนที่มีทักษะที่จำเป็นด้านการเงิน

SDG 8

งานที่เหมาะสม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ

8.6   ส่งเสริมเยาวชนให้มีงานทำ มีการศึกษา และได้รับการฝึกอบรม

SDG 10

ลดความไม่เสมอภาค

10.1  ลดความไม่เท่าเทียมกันของรายได้

มุมมองของเรา

ปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสภาวะการแบ่งแยกของผู้คนในสังคม (Social polarization) และการขาดความไว้เนื้อเชื่อใจในสังคม (Lack of social trust) ปัจจุบันสภาพแวดล้อมของสังคมมีความไว้เนื้อเชื่อใจต่ำทำให้ธุรกิจมีความเสี่ยงด้านชื่อเสียง และด้านการกำกับดูแลจากหน่วยงานทางการเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของการดำเนินธุรกิจในระยะยาว ดังนั้นปัญหาความเหลื่อมล้ำจึงไม่ได้เป็นเพียงปัญหาสังคมที่อยู่ใกล้ตัวอีกต่อไป แต่กลายเป็นความเสี่ยงต่อภาคธุรกิจได้เช่นเดียวกัน

ในขณะเดียวกันธุรกิจต้องมีการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจ และสังคม โดยนำความต้องการหรือความคาดหวังของคนในสังคมมาบูรณาการเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายขององค์กร

เป้าหมายสู่ปี 2573

จำนวนเกษตรกร และกลุ่มเปราะบางและอื่นๆ ตลอดห่วงโซ่อุปทานได้รับการสนับสนุนให้เกิดการสร้างรายได้ 100,000 คน

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

เกษตรกร 19,327 ราย ที่ได้รับการส่งเสริมอาชีพและรายได้

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ปี 2566

กลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อเพิ่มคุณค่าทางสังคม

แนวทางการบริหารจัดการ

          บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัดและบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ ได้พัฒนากลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อเพิ่มคุณค่าทางสังคม โดยอ้างอิงถึงอัตลักษณ์ที่แสดงถึงตัวตนของเครือฯได้แก่ ความกตัญญู และความซื่อสัตย์ ค่านิยม 3 ประโยชน์ ระบบการบริหาร ซีพี สู่ความเป็นเลิศ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้ยุทธศาสตร์ ปี 2573 นอกจากปัจจัยภายในแล้ว บริษัทฯ ยังได้นำประเด็นข้อกังวลของชุมชนสังคม และเป้าหมาย การพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติเข้ามาร่วมพิจารณาในการพัฒนากลยุทธ์เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการตอบสนองต่อความต้องการของ ชุมชนสังคมอย่างยั่งยืน และการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ ในภาพรวมกลยุทธ์ระดับองค์กรเพื่อเพิ่มคุณค่าทางสังคมของบริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่การดำเนินงาน เชิงรุกใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การส่งเสริมอาชีพและรายได้ให้แก่เกษตรกร การสนับสนุนองค์ความรู้และเพิ่มช่องทางจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย และการสนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ กลุ่มเปราะบาง

          นอกจากนี้ เครือฯ ยังได้นำโครงการซีพีเพื่อความยั่งยืนมาขับเคลื่อนกลยุทธ์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริหารและพนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในทุกประเทศทั่วโลกให้มีการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมไปในทิศทางเดียวกัน

 

การส่งเสริมเกษตรกรเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกร

SUSTAINABILITY AGRICULTURE​

 

SUSTAINABILITY AGRICULTURE​

ส่งเสริมเกษตรกรเพาะปลูก

แนวทางการบริหารจัดการ

  ความท้าทายที่ส่งผลไปทั่วโลกในปัจจุบันคือจำนวนประชากรโลก ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้ประชากรกลุ่มเปราะบางได้รับความเท่าเทียมในสังคมจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่เกิดขึ้น ภายใต้แนวคิดที่ว่า “การสร้างรากฐานทางธุรกิจ ให้แข็งแรง ต้องดำเนินควบคู่ไปพร้อมกับการสร้างรากฐาน คุณภาพชีวิตของคนในสังคม” จึงทำให้ธุรกิจฯ มีแนวคิดและตระหนักถึงการสนับสนุนแก่คนในสังคมอย่างต่อเนื่อง

          บริษัทเชื่อมั่นว่าธุรกิจจะเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ชุมชนและสังคมจะต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน เราจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมและชุมชน และด้วยตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของพลเมืองที่ดีและหลักปรัชญา 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืนของบริษัท (ต่อประเทศ ประชาชน และบริษัท)

          เราจึงมุ่งส่งเสริมกิจกรรมต่างๆที่เอื้อประโยชน์แก่ประชากรกลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้พิการ ผู้สูงวัย เด็ก ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม  โดยเฉพาะรอบพื้นที่ที่บริษัทดำเนินกิจการอยู่ โดยใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญที่มีในการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมผ่านรูปแบบการสนับสนุนที่หลากหลายได้แก่ การสนับสนุนเงินการมอบสิ่งของ การทำจิตอาสา รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงอาหารที่ถูกหลักโภชนาการและการศึกษาอย่างทั่วถึง เพื่อร่วมสร้างสังคมให้มั่นคงและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในภาพรวมของประเทศ

ส่งเสริมผู้พิการ "ปันน้ำใจให้ผู้พิการ“ ออกหน่วยขาเทียมพระราชทานร่วมมูลนิธิขาเทียม

  ประเทศไทยมีผู้พิการขาขาดจำนวนมากที่ต้องการขาเทียมเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถประกอบอาชีพและหาเลี้ยงครอบครัวด้วยความภาคภูมิใจ ไม่เป็นภาระต่อสังคม แต่ภาระค่าใช้จ่ายในการจัดทำขาเทียมมีราคาที่สูง มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สามารถทำขาเทียมในราคาที่ถูกเพราะสามารถหาวัสดุทดแทนการนำเข้าจัดทำขาเทียมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา (ไม่ต้องมีบัตร) จึงเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือและสนับสนุนการออกหน่วยขาเทียมพระราชทานมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 15 ปี มอบข้าวตราฉัตรเพื่อสนับสนุนคณะแพทย์และช่างกายอุปกรณ์ตลอดระยะเวลาการทำขาเทียม และตลอดทั้งปีงบประมาณที่จะมีการออกหน่วย 5 ครั้งต่อปี 

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 3

สุขภาพดีและสวัสดิภาพที่ดี

3.4 ลดการตายจากโรคไม่ติดต่อ และสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดี

SDG 8

งานที่เหมาะสม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ

8.8 ปกป้องสิทธิแรงงานและส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย ครอบคลุมแรงงานต่างด้าว

มุมมองของเรา

บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยกว่าคุณภาพสินค้า ดังนั้นทุกกระบวนการการต้องเกิดความปลอดภัย ไม่ส่งผลต่อสุขภาพของพนักงานและไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงมีกระบวนการชี้บ่งอันตรายและประเมินความเสี่ยงของทุกกิจกรรมงานที่ปฏิบัติรวมถึง เมื่อมีกิจกรรมใหม่หรือมีเครื่องจักรใหม่เข้ามา ต้องมีการชี้บ่งอันตรายและประเมินความเสี่ยงก่อนทุกครั้งก่อนเริ่มงาน เพื่อให้ทราบถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับหาแนวทางการปรับปรุงแก้ไขและป้องกัน

เป้าหมายสู่ปี 2573

อัตราการเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานเป็นศูนย์ Zero Accident

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

รางวัลด้านความปลอดภัย

สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมจากการทำงาน

ข้อมูลและการดำเนินงานที่สำคัญ ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

การบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

แนวทางการบริหารจัดการ

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัดและบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการทำงาน โดยยึดมั่นต่อการดูแลใส่ใจพนักงาน ผู้รับเหมา ผู้มาติดต่อ ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินธุรกิจตลอดจนห่วงโซ่อุปทาน จึงกำหนดนโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้เป็นแนวปฏิบัติและยกระดับการดำเนินงานด้านความปลอดภัยขององค์กร โดยมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้

  1. ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ทั้งในระดับประเทศ ระดับท้องถิ่น ข้อกำหนดลูกค้า และหน่วยงานต่างๆ และสอดคล้องตามมาตรฐานสากล
  2. ให้ความสำคัญกับการป้องกันการบาดเจ็บ และการเจ็บป่วยจากการทำงาน ประเมินความเสี่ยงอันตรายจากการทำงาน และดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าระบบการป้องกัน และแก้ไขความเสี่ยงถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ให้คำปรึกษาและเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน และผู้เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พร้อมทั้งพัฒนาให้มีความรู้ สร้างจิตสำนึก อันจะนำไปสู่การปฏิบัติจนเป็นวัฒนธรรมความปลอดภัย
  4. สนับสนุนทรัพยากรที่เกี่ยวข้องในการดำเนินระบบด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างเพียงพอและเหมาะสมติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบาย และแผนงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

 

กลยุทธ์การดำเนินงานอุบัติเหตุเป็นศูนย์

ผู้ฝึกสอน เละทดสอบการขับขี่รถยก ตามมาตรฐานเครือเจริญโภคภัณฑ์

  ด้วยบริษัทฯ ได้ประกาศแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่ทดสอบปฏิบัติการขับขี่รถยกของธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เพื่อทำหน้าที่ฝึกสอนและทดสอบพนักงานที่รับผิดชอบใช้งานรถยกประจำแต่ละโรงงาน ซึ่งจำเป็นต้องผ่านการฝึกอบรม และทดสอบตามมาตรฐานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ แต่ด้วยตำแหน่งงานดังกล่าวมีการหมุนเวียนผู้ขับขี่บ่อย ทำให้แต่ละโรงงานประสบปัญหารอระยะเวลานานในการส่งพนักงานเข้ารับการฝึกอบรม และสอบตามมาตรฐานของเครือฯ ส่งผลกระทบ ต่อการปฏิบัติงานของโรงงาน จึงได้กำหนดผู้ทำหน้าที่ดังกล่าวข้างต้นขึ้น สำหรับฝึกสอน และทดสอบการขับรถยกของพนักงานประจำแต่ละโรงงาน โดยปฏิบัติตามหลักสูตรมาตรฐานเครือเจริญโภคภัณฑ์

  ดังนั้น จึงจำเป็นต้องจัดหลักสูตรการฝึกอบรมนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้ทำหน้าทดสอบปฏิบัติการขับรถยกของธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะ การเป็นผู้สอน ผู้ทดสอบการขับรถยกได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานเครือเจริญโภคภัณฑ์ สำหรับดำเนินการออกใบรับรองการขับขี่รถยกตามมาตรฐานเครือเจริญโภคภัณฑ์ต่อไป

CPTG SHEEE DAY 2023

หลักการและเหตุผล

   ด้วยโครงการนครหลวงได้ดำเนินการจัดงานนิทรรศการความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม พลังงาน 5ส ความรับผิดชอบต่อสังคม และความยั่งยืนองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อปีที่ผ่านมาได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานเป็นการเข้าฐานกิจกรรม ซึ่งผลตอบรับอยู่ในระดับดีมาก ทางคณะทีมงานผู้จัดจึงจัดในรูปแบบของฐานกิจกรรมต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมแก่บุคลากรภายในโครงการทุกระดับ และเพื่อสื่อสาร นำสาระความรู้ ตลอดจนสร้างความเข้าใจในประเด็นด้านความยั่งยืนองค์กรอย่างทั่วถึง

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อสื่อสารประเด็นสำคัญของงานด้านความยั่งยืนองค์กร
  2. เพื่อกระตุ้นให้บุคลากรในโครงการนครหลวงทุกระดับมีส่วนร่วมในกิจกรรม

เป้าหมาย

  1. พนักงานระดับปฏิบัติการและผู้รับเหมาแรงงานได้รับความรู้ ความเข้าใจ จากการเข้าฐานกิจกรรมอยู่ในระดับมาก (แบบสอบถาม / QR CODE)
  2. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความพึงพอใจในภาพรวมการจัดงานอยู่ในระดับมาก (แบบสอบถาม / QR CODE)
  3. พนักงานระดับปฏิบัติการและผู้รับเหมาแรงงานกะเช้า เข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่า 70%
  4. ผู้จัดการแผนกและผู้จัดการฝ่ายเข้าร่วมเป็น STAFF จัดฐานกิจกรรม ไม่น้อยกว่า 90%

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 8

งานที่เหมาะสม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ

8.2 สร้างความหลากหลาย นวัตกรรมและยกระดับผลิตภาพทางเศรษฐกิจ

SDG 9

อุตสาหกรรม นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน

9.5เพิ่มพูนการวิจัยและยกระดับเทคโนโลยีของภาคอุตสาหกรรม

9.B สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีภายในและความหลากหลายของอุตสาหกรรม

SDG 17

ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

17.17 สนับสนุนความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ

มุมมองของเรา

ความท้าทายของเศรษฐกิจในยุค 4.0 คือความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีทิศทางใหม่ๆ ที่เป็นทิศทางระดับโลกที่บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ต้องปรับตัวตาม ไม่เว้นแม้แต่ในอุตสาหกรรมเกษตร ยิ่งไปกว่านั้นบริบทในการดำเนินธุรกิจยังให้ความสำคัญเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น นวัตกรรมจึงเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญและเชื่อมั่นว่าจะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว รวมไปถึงสร้างคุณค่าให้สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน

เป้าหมายสู่ปี 2573

มูลค่าผลประหยัดจากโครงการลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพ และนวัตกรรม 100 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

ผลประหยัดจากโครงการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

88.60 ล้านบาท

นวัตกรที่ได้คิดค้นโครงการนวัตกรรม ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพ

ร้อยละ 9.82 ของพนักงานทั้งหมด

การบริหารจัดการนวัตกรรม

การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา

12 คน จำนวนบุคลากรด้านวิจัยและพัฒนา

1 แห่ง ศูนย์วิจัยและพัฒนา

19.23 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา

2 ฉบับ จำนวนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรสะสม

แนวทางการบริหารจัดการ

            นวัตกรรมนับว่าเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ และสอดคล้องกับการปฏิบัติตามค่านิยม “สร้างสรรค์สิ่งใหม่” นวัตกรรมจะส่งผลให้องค์กรเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถมอบคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียขององค์กรได้อย่างต่อเนื่อง บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ ได้มีการกำหนดทิศทาง วัตุประสงค์ เป้าหมาย และกลยุทธ์ เพื่อพัฒนาองค์กรให้มุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม ประกอบด้วย การกำหนดนโยบายการจัดการนวัตกรรม การทำให้เกิดนวัตกรรม การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนการสร้างองค์กรแห่งนวัตกรรม เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมทั่วทั้งองค์กร

            บริษัทฯ มุ่งเน้นการปลูกฝังทัศนคติและจิตใต้สำนึกของพนักงานในการปรับปรุง พัฒนาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทั้งยังส่งเสริมให้พนักงานเติบโตและก้าวหน้าไปพร้อมกับองค์กร  บริษัทฯ ดำเนินการจัดให้มีเวทีการประกวดผลงานเป็นประจำทุก 2 ปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อแบ่งปันความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สำหรับพนักงานในบริษัทฯ นอกจากนั้นบริษัทฯยังส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมโดยการสร้างแรงจูงใจในการให้รางวัล และมีระบบการให้คะแนนผลงานที่ผ่านเข้ารอบมหกรรมนวัตกรรมบัวบาน เพื่อเป็นคะแนนสะสมส่วนบุคคลของพนักงาน และก้าวสู่การเป็นนวัตกรในระดับต่างๆของเครือเจริญโภคภัณฑ์

การสร้างองค์กรแห่งนวัตกรรม

           บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ  เห็นความสำคัญต่อการปลูกฝังและการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และพัฒนาต่อยอดไปสู่การสร้างนวัตกรรม ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคม ทางบริษัทฯ เริ่มจากการเน้นการดำเนินงานของพนักงานระดับปฏิบัติการ โดยมุ่งเน้นให้พนักงานแก้ปัญหาหน้างานด้วยตนเอง  จึงมีการสร้างระบบข้อเสนอแนะ  (Kaizen Suggestion) และมีการสร้างแรงจูงใจโดยสร้างเวทีให้พนักงานได้นำเสนอผู้บริหาร เมื่อพนักงานได้มีการพัฒนาและเกิดเป็นวัฒนธรรมในระดับหนึ่งลำดับถัดไปมีเป้าหมายให้พนักงานทำงานร่วมกันจึงมีการเซ็ตการทำงานเป็นทีม โดยใช้แนวคิดของ QCC System ให้พนักงานรวมกลุ่มกัน แก้ไขปัญหาที่ยากขึ้น มีการร่วมกันตัดสินใจระหว่างทีมเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ผ่านกระบวนการ CPI Project ครอบคลุม เรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพ การลดต้นทุน และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จากนั้นมุ่งเน้นการร่วมมือกันแบบ Cross Function พัฒนาสู่กระบวนการ Innovation System ส่งเข้า CP INNOVATION ของเครือ ทั้งนี้ในระดับกลุ่มธุรกิจ ได้จัดเวทีให้พนักงานแสดงศักยภาพในการประกวดผลงาน ในงาน CPI Award โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูนวัตกรผู้คิดค้นผลงาน และเพื่อแบ่งปันความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของพนักงาน ทั้งนี้ผลงานที่มีความโดดเด่นจะได้รับการพัฒนาและยกระดับไปสู่การประกวดนวัตกรรมของเครือเจริญโภคภัณฑ์

โครงการพอใจวันเดียว

  จากเป้าหมายการนำค่านิยมสู่การปฏิบัติผ่านการทำโครงการพอใจวันเดียว โดยการริเริ่ม ปรับปรุุงสร้างสรรค์งานของตนเองซึ่งทำให้พนักงานได้มีทัศนคติที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง พอใจในความสำเร็จในปัจจุุบันเพียงวันเดียว พร้อมทั้งคิดค้นหาวิธีการทำงานในปัจจุบันให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ด้วยการสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย หรือทำเร็วและมีคุณภาพ เพื่่อสร้างประโยชน์ต่อตนเอง บริษัทหรือสังคมภายนอก ทั้งนี้ทางกลุ่มธุรกิจฯ ได้ส่งเสริมให้พนักงานคิดค้นโครงการใน 3 รูปแบบ ดังนี้

  ซึ่งผลจากแนวคิดนี้ทำให้พนักงานมีความเข้าใจในค่านิยมของเครือฯ แบบเป็นรููปธรรม การขับเคลื่อนโครงการในครั้งนี้ จึงพยายามผลักดันให้พนักงานมีส่วนร่วม ในโครงการให้้มากยิ่งขึ้นโดยมีการให้คะแนนสำหรับพนักงานที่ทำโครงการ โดยคะแนนนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการเทียบชั้นเป็นนวัตกรของเครือฯ ปัจจุบันโครงการพอใจวันเดียวดำเนินการเข้าสู่ปีที่สี่ ณ สิ้นปี 2565 มีพนักงานเข้าร่วมจำนวนทั้งสิ้น 359 คน ผ่านการทำโครงการปรับปรุุงงานจำนวน 514 โครงการ นอกจากนั้น พนักงานที่มีส่วนร่วมในการทำโครงการยังได้สะสมคะแนนเพื่อเป็นนวัตกรของเครือฯ ส่งผลให้มีนวัตกรทุกระดับรวมกันทั้งสิ้น 185 คน ทำให้พนักงานมีทัศนคติที่ดีในการปรับปรุุงงาน พยายามคิดค้นหาวิธีการใหม่ๆ มาปรับปรุุงงานของตนเอง และนี่คือแนวคิดพื้นฐานของการนำค่านิยมของเครือฯ สู่การปฏิบัติ ซึ่งจะเป็นหนึ่งใน พื้นฐาน สู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม

CASE STUDY

PD Award 2023 Innovations come together

        คุณประสิทธิ์  ดำรงชิตานนท์ รองประธานกรรมการ ธุรกิจพืชครบวงจร ข้าว ขนส่งและบริการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานมอบรางวัลโครงการ “PD Award 2023 : Innovations come together” ว่าปัจจุบันสภาพสังคม เศรษฐกิจ เทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

       ดังนั้นเพื่อให้องค์กรสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ธุรกิจพืชครบวงจร ข้าว ขนส่งและบริการ จึงได้นำแนวคิดค่านิยมของเครือเจริญโภคภัณฑ์เรื่อง “ยอมรับการเปลี่ยนแปลง” และ “สร้างสรรค์สิ่งใหม่” มาปรับใช้ในการทำธุรกิจ พร้อมกันนี้ ยังได้จัดโครงการ PD Award ขึ้นเพื่อสนับสนุนให้พนักงานได้เรียนรู้ สร้างสรรค์ และมองหาโอกาสใหม่ไม่หยุดนิ่ง ตลอดจนการสร้างนวัตกรรมภายในองค์กร 

โดยในปีนี้โครงการ “PD Award 2023 : Innovations come together” มาจากแนวคิดร่วมสร้างนวัตกรรมไปด้วยกัน เพื่อกระตุ้นให้พนักงานร่วมกันแปลงแนวคิดสู่การปฏิบัติงานจริง 

ทั้งนี้มีโครงการที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจำนวน 55 โครงการจากโครงการที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมด 400 กว่าโครงการ 

          สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัลประกอบด้วย 6 ผลงานจากรางวัล 3 ประเภทผลงาน ได้แก่

  1. ประเภทข้อเสนอแนะดีเด่น 2 รางวัลคือ โครงการ CPP-EN 31 โรงงานปรับสภาพเมล็ดพันธุ์ซอย19 (ธุรกิจพืชครบวงจร) และโครงการมาตรฐานการปล่อยข้าวหัก โรงงานข้าววังแดง (ธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ)
  2. ประเภทลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพดีเด่น 2 รางวัลคือ โครงการเชื้อไตรโคเดอร์มา TG10 สายพันธุ์ต้านทานสารกำจัดศัตรูพืช ศูนย์วิจัยฯประกันคุณภาพดินและปุ๋ย(ธุรกิจพืชครบวงจร) และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพเตาเผาแกลบของกระบวนการอบลดความชื้น โรงสีข้าวสุพรรณบุรี (ธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ)
  3. ประเภทนวัตกรรมดีเด่น 2 รางวัลคือ โครงการโยกซ้าย โยกขวา โรงงานปรับสภาพเมล็ดพันธุ์ซอย19 (ธุรกิจพืชครบวงจร) และโครงการ ICP เร็วกว่านี้ มันต้องเร็วกว่านี้ ทีม R&D Packaging (ธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ)

“ขอแสดงยินดีกับเจ้าของผลงานที่ได้รับรางวัลทั้ง 6 ผลงาน ขณะเดียวกันก็ขอชื่นชมกับโครงการทั้งหมดกว่า 400 กว่าที่ส่งเข้าประกวดในครั้งนี้ เพราะสิ่งที่สำคัญกว่ารางวัลที่ได้รับ คือความตั้งใจ และการมีส่วนร่วมของทีมงานที่เรียนรู้จากข้อผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น นำมาปรับปรุงและคิดค้นกระบวนการทำงานใหม่ๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น  ซึ่งนอกจากจะเกิดประโยชน์กับองค์กรทั้งในแง่การลดต้นทุน ประหยัดเวลา รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆแล้ว องค์ความรู้บางอย่างยังถูกถ่ายทอดสู่เกษตรกร และเกิดประโยชน์กับคู่ค้าของเราอีกด้วย” คุณประสิทธิ์กล่าว

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 16

ความสงบสุข ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง

16.7 สร้างหลักประกันว่าจะมีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุม มีส่วนร่วม และมีความเป็นตัวแทนที่ดี ในทุกระดับการตัดสินใจ

SDG 17

ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

17.6 ยกระดับหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

17.7 สนับสนุนความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ

มุมมองของเรา

การสร้างความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสียอย่างครอบคลุม ถือเป็นหัวใจสำคัญและถูกนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนากลยุทธ์ของบริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ  เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการดำเนินงานขององค์กรและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้มีส่วนได้เสีย โดยดำเนินการพิจารณาความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองด้วยแนวทางที่สามารถบริหารจัดการประเด็นที่มีความสำคัญทั้งต่อธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างเหมาะสม

เป้าหมายสู่ปี 2573

คะแนนความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสียหลักจากการสำรวจของทุกกลุ่มธุรกิจ 80%

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

ทุกบริษัท

มีการกำหนดกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย 14 กลุ่ม และหาความต้องการและความคาดหวัง

ความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสียหลักจากการสำรวจร้อยละ 90 ของคะแนนความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสียหลัก

การสำรวจการรับรู้ของผู้มีส่วนได้เสีย

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างมูลค่า คุณค่า ตลอดจนการสร้างสัมพันธ์ที่ดีและการสร้างความเชื่อมั่นระหว่างผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มกับองค์กรอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจฯ ให้ความสำคัญกับการรับฟัง การมีส่วนร่วมและการร่วมมือกันของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มพร้อมทั้งผนวกและวิเคราะห์ประเด็นเหล่านี้กับประเด็นภายนอกที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก นอกจากนี้ใด้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกในการเพิ่มศักยภาพการจัดการ การใช้แนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสม การแบ่งปันความรู้และทรัพยากรที่สร้างประโยชน์ตลอดห่วงโซ่คุณค่า

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ จัดทำการสำรวจการรับรู้ของผู้มีส่วนได้เสีย โดยมุ่งเน้นไปที่ด้านการจัดการด้านความยั่งยืนและการสร้างความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสียของทุกบริษัทเป็นปีแรก เพื่อนำผลการสำรวจมาวิเคราะห์ทบทวนกลยุทธ์และการตำเนินงานของเครือฯ ให้สอดคล้องกับความสนใจและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการร่วมมือกันให้เกิดการสร้างสรรค์คุณค่าอย่างยั่งยืน

การสำรวจการรับรู้ของผู้มีส่วนได้เสียของกลุ่มธุรกิจภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ แบบสำรวจ ประจำปี 2565 ดำเนินการระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน พ.ศ. 2565 โดยมีวัตถุประสงค์การสำรวจดังนี้

  • เพื่อประเมินคุณภาพของการมีส่วนร่วมระหว่างบริษัท กับผู้มีส่วนได้เสีย
  • เพื่อนำผลการสำรวจไปทำการพัฒนากลยุทธ์การสร้างความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท ให้สอดคล้องกับความคาดหวังมากขึ้น

เป้าหมาย : คะแนนความผูกพันจากการสำรวจ เท่ากับ 80%

กระบวนการสร้างความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสีย

  ด้วยความมุ่งมั่นที่จะรักษาสมดุลระหว่างการสร้างคุณค่า มูลค่าและความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มธุรกิจ ข้าว ขนส่งและบริการ ได้ดำเนินการสื่อสาร รวมถึงการสำรวจการรับรู้ของผู้มีส่วนได้เสียที่ครอบคลุมในทุกภูมิภาคทั่วโลกตามฐานการผลิตและการดำเนินธุรกิจของพื้นที่ที่เครือฯเข้าไปดำเนินงาน

  ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าการสร้างความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสียนี้ดำเนินตามหลักการสากลที่มีมาตรฐานและสามารถประยุกต์ใช้กับทุกกลุ่มธุรกิจ เครือฯ ได้นำมาตรฐาน AA1000 (Stakeholder Engagement Standard) มาเป็นแนวทางในการพัฒนาแผนการมีส่วนร่วมและกลไกการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การเตรียมข้อมูลและบุคลากรที่เพียงพอสำหรับการปฏิบัติงานภาคสนาม การวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญ ตลอดจนการรายงานและติดตามผล

  บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินโครงการจัดทำยุทธศาสตร์ความยั่งยืนสู่ปี 2573 มีการสำรวจความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียเชิงลึกโดยที่ปรึกษาภายนอก มีขอบเขตครอบคลุมธุรกิจหลักทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยใช้ทั้งวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกและการสนทนา หารือกับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการสำรวจความคิดเห็นเชิงปริมาณในแบบสอบถาม เพื่อให้ทราบถึงความต้องการและประเด็นที่ผู้มีส่วนได้เสียแต่ละกลุ่มให้ความสำคัญที่ถูกต้องมากที่สุด ซึ่งเป็นการดำเนินงานเพิ่มเติมจากการรวบรวมประเด็นความต้องการและคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียผ่านช่องทางที่ดำเนินการโดยผู้รับผิดชอบตามปกติ

              กระบวนการจัดทำรายงานความยั่งยืน ของ บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัดและบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เราสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียในระดับธุรกิจ โดยการทบทวนประเด็นการฟังเสียงจากผู้มีส่วนได้เสียจากปีก่อน ผ่านกลไกต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบประเด็นด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กร และรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และความคาดหวัง ของกลุ่มต่าง ๆ ทำ ให้เราเข้าใจประเด็นสำคัญร่วมที่ผู้มีส่วนได้เสียมีความคิดเห็นตรงกัน และได้นำมาวางแผนเพื่อตอบสนองประเด็นดังกล่าว ตลอดจนผลักดันให้เกิดการปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และเพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียที่มีความสนใจ และความคาดหวังที่แตกต่างกัน กลุ่มธุรกิจฯ จึงสร้างช่องทางการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ผ่านกลไกการสื่อสารที่เอื้อต่อการสานสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนทัศนะ ซึ่งความถี่ในการสื่อสารของแต่ละกลุ่มจะแปรผันไปตามแผนงานและความต้องการ ดังแสดงในตารางต่อไปนี้

กรอบการดำเนินงานกับผู้มีส่วนได้เสีย

กลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย

ช่องทางการมีส่วนร่วม

ประเด็นที่อยู่ในความสนใจ

(ที่สอดคล้องกับประเด็นที่มีนัยสำคัญ

ด้านความยั่งยืน)

ประเด็นที่มีนัยสำคัญ

ด้านความยั่งยืน

การดำเนินงานเพื่อตอบสนอง

ประโยชน์ที่ผู้มีส่วนได้เสียได้รับ

พนักงาน

•อินทราเน็ต, CPTG & CROP Connect Mobile Applications

•ทาง Mail / Social Media ต่างๆ

•พูดคุยและประชุมคณะทำงานต่างๆ

•การดำเนินงานของคณะกรรมการสวัสดิการและคณะกรรมการความปลอดภัย (คปอ.)

•การสำรวจความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร

•เปิดช่องทางรับฟังข้อเสนแนะ และข้อร้องเรียน

•ค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการ

•ความก้าวหน้าในอาชีพ

•สภาพแวดล้อมในการทำงาน

•ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

•การกำกับดูแลกิจการ

•สิทธิมนุษยชน และการปฏิบัติด้านแรงงาน

•การพัฒนาผู้นำและทรัพยากรบุคคล

•ปฏิบัติต่อพนักงานตามหลักสิทธิมนุุษยชน

•พัฒนาศักยภาพพนักงานอย่างต่อเนื่อง

•รักษาไว้ซึ่งพนักงานที่เก่งและดี

•พัฒนาระบบบริหารงานบุุคคล

•ดำเนินงานตามมาตรฐานแรงงานไทย

•กำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

•พนักงานได้รับการฝึกอบรมที่เหมาะสม

•การเตรียมความพร้อมและพัฒนาผู้นำ

•การดำเนินการกับข้อร้องเรียนและแจ้งเบาะแส

•การตรวจประเมินการจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

ชุมชนและสังคม

•รายงานความยั่งยืนประจำปี

•รับฟัง และสำรวจความคิดเห็น

•เปิดช่องรับข้อร้องเรียน

•สานเสาวนาชุมชน ลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนอย่างสม่ำเสมอ

•จัดกิจกรรมส่งสริมคุณภาพชีวิต

•ผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจที่มีผลต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม

•การมีส่วนร่วมในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชน

•มีกระบวนการข้อร้องเรียนอย่างเป็นธรรม

•การสื่อสารการดำเนินงานอย่างรวดเร็วและโปร่งใส

•คุณค่าทางสังคม

•การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

•การดูแลรักษาทรัพยากรน้ำ

•การปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

•ควบคุมดูแลประสิทธิภาพระบบป้องกันมลพิษ

•สนับสนุนให้เกิดการเพิ่มคุณภาพชีวิต และสร้างรายได้แก่ชุมชน

•นำขีดความสามารถของบริษัทมาเป็นเครื่องมือในการสร้างผลกระทบเชิงลวกและบรรเทา ผลกระทบเชิงลบ

•การดำเนินงานเพื่อเพิ่มคุณค่าทางสังคม

•การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

•การดูแลรักษาทรัพยากรน้ำ

•การปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

ลูกค้า/ ผู้บริโภค

•ศูนย์บริการลูกค้า

•ช่องทางรับฟังความคิดเห็นและข้อร้องเรียน

•ออกสำรวจ และสัมภาษณ์

•พบปะลูกค้า ลงพื้นที่เยี่ยมเยียน

•ทาง Mail / Social Media ต่างๆ

•คุณภาพสินค้าที่ดีและเหมาะสมกับราคา

•ความปลอดภัยอาหาร

•การตรวจสอบย้อนกลับของผลิตภัณฑ์

•ข้อมูลผลิตภัณฑ์ และบริการหลังการขาย

•ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

•สุขภาพและสุขภาวะที่ดี

•การปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

•พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้มาตรฐานทั้งคุณภาพและความปลอดภัย

•สื่อสารลูกค้าและผู้บริโภคเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการผ่านฉลากผลิตภัณฑ์ และรักษาความลับของลูกค้า

•พัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับได้ของผลิตภัณฑ์

•การมุ่งเน้นกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ

•ฉลากสินค้า เว็บไซต์ และสายด่วนเพื่อผู้บริโภค

•การจัดการวัตถุดิบและการตรวจสอบย้อนกลับ

คู่ค้า

•ประชุมร่วมกับคู่ค้า

•การจัดหลักสูตรอบรมพัฒนาคู่ค้า

•โครงการสร้างเสริมศักยภาพคู่ค้า ความร่วมมือ ร่วมสร้างนวัตกรรม

•ประเมินให้คำปรึกษา และบริการวิชาการ

•เปิดช่องทางรับข้อร้องเรียนหรือข้อเสนอแนะ

•ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส

•ความเสมอภาคในการทำธุรกิจ

•การส่งเสริมศักยภาพคู่ค้าในการดำเนินธุรกิจ

•สิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน

•การกำกับดูแลกิจการ

•การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ

•พัฒนาโครงการความร่วมมือกับคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง

•พัฒนาเกณฑ์การประเมินคู่ค้าตามนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน

•สื่อสารกับคู่ค้าเพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าใจข้อกําหนด

•ปฏิบัติต่อคู่ค้าทุกรายอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามข้อตกลงทางธุรกิจ/จรรยาบรรณทางธุรกิจ

•การพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าธุรกิจ

•การสื่อสารจรรยาบรรณสำหรบคู่ค้าธุรกิจ (Supplier Code of Conduct)

•การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของจริยธรรมและความโปร่งใส

กรอบการดำเนินงานกับผู้มีส่วนได้เสีย

กลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย

ช่องทางการมีส่วนร่วม

ประเด็นที่อยู่ในความสนใจ

(ที่สอดคล้องกับประเด็นที่มีนัยสำคัญ

ด้านความยั่งยืน)

ประเด็นที่มีนัยสำคัญ

ด้านความยั่งยืน

การดำเนินงานเพื่อตอบสนอง

ประโยชน์ที่ผู้มีส่วนได้เสียได้รับ

ผู้ถือหุ้น/

นักลงทุน

•ประชุมชี้แจงผู้ถือหุ้น และนักลงทุน

•นำเยี่ยมชมกิจการ

•รายงานความยั่งยืน

•เปิดช่องทางการรับข้อร้องเรียน

•การกำกับดูแลกิจการที่ดี

•การเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานอย่างครบถ้วนโปร่งใส และรวดเร็ว

•การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ และทิศทางการดำเนินธุรกิจ

•การกำกับดูแลกิจการ

•ดําเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมาย หลักการกํากับดูแลกิจการ วัตถุประสงค์ ข้อบังคับของบริษัท และการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น

•ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าหนี้อย่างเคร่งครัด

•รับฟังคําแนะนําและข้อสะท้อนจากผู้ถือหุ้นและนักลงทุน

•ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดําเนินงาน

•การกํากับดูแลกิจการที่ดีการจัดการความยั่งยืนขององค์กร

สื่อมวลชน/

สื่อออนไลน์

•ดำเนินกิจกรรมการสื่อสารผ่านเครื่องมือสื่อสารในทุุกรููปแบบ

•นำเยี่ยมชมกิจการ

•การแถลงข่าว ให้สัมภาษณ์เป็นประจำ

•สนับสนุุนและมีส่วนร่วมในกิจกรรม

•เปิดช่องทางรับข้อร้องเรียน

•การกำกับดููแลกิจการ

•การเปิดเผยข้อมููลการดำเนินงานอย่างครบถ้วน โปร่งใส และรวดเร็ว

•ผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจที่มีต่อสังคม ชุุมชนและสิ่งแวดล้อม

•การดำเนินโครงการเพื่อสังคม

•การสร้างความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสีย

•มีส่วนร่วมกับสื่อมวลชนเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีงาม

•ให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงเป็นประโยชน์และทันเวลาสําหรับการสื่อสารอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน

•ติดตามรายงานข่าวเพื่อแจ้งแนวทางการดําเนินงานในอนาคต

•ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และทันเวลาตามข้อเท็จจริง

•มีความสัมพันธ์ที่ดีกับองค์กร

•สนับสนุนและมีส่วนร่วมในกิจกรรมสื่อ

ภาครัฐ

•การร่วมประชุุม เข้าพบในโอกาสต่างๆ

•ร่วมมือและสนับสนุุนการริเริ่มเพื่อ พัฒนาโครงการและกิจกรรมสร้างสรรค์ประโยชน์

•เปิดช่องทางรับข้อร้องเรียน

•การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง

•การเป็นตัวอย่างการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

•การเปิดเผยข้อมููลการดำเนินงานอย่างครบถ้วน โปร่งใส และรวดเร็ว

•การกำกับดูแลกิจการ

•ติดตามและปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

•ร่วมมือและสนับสนุุนการริเริ่มพัฒนาโครงการและกิจกรรมสร้างสรรค์อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศ

•สื่อสารและเปิดเผยข้อมููลการดำเนินงานอย่างครบถ้วน โปร่งใส และรวดเร็ว พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อนำมาปรับปรุุงแผนการดำเนินงาน

•การกำกับดูแลกิจการที่ดี

•การกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของกลุ่มบริษัทในกลุ่มธุรกิจฯ

•การร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อขับเคลื่อนพัฒนาอย่างยั่งยืน

กรอบการดำเนินงานกับผู้มีส่วนได้เสีย

กลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย

ช่องทางการมีส่วนร่วม

ประเด็นที่อยู่ในความสนใจ

(ที่สอดคล้องกับประเด็นที่มีนัยสำคัญด้านความยั่งยืน)

ประเด็นที่มีนัยสำคัญ

ด้านความยั่งยืน

การดำเนินงานเพื่อตอบสนอง

ประโยชน์ที่ผู้มีส่วนได้เสียได้รับ

ผู้จัดหา

•ประชุมร่วมกับผู้จัดหา

•การจัดหลักสูตรอบรมพัฒนาผู้จัดหา

•เปิดรับข้อร้องเรียนหรือข้อเสนอแนะ

•ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส

•ความเสมอภาคในการทำธุรกิจ

•สิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน

•การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ

•สัญญาซื้อ ขายที่เป็นธรรมและโปร่งใส

•จัดหลักสูตรการเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาผู้จัดหา

•ดำเนินงานตามนโยบายสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน

•การพัฒนาศักยภาพของผู้จัดหา

•การสื่อสารจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ (Supplier Code of Conduct)

•การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของจริยธรรมและความโปร่งใส

คู่แข่ง

•การประชุุมร่วมกับองค์กรกลาง อาทิสภาอุุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

•รับข้อมููลข่าวสารจากสื่อและเวทีสาธารณะ

•เปิดช่องทางรับข้อร้องเรียน

•ปฏิบัติตามเงื่อนไข กฎระเบียบ และกฎหมาย

•การแข่งขันที่มีความเท่าเทียม โปร่งใส และเป็นธรรม

•การกำกับดูแลกิจการ

•สัญญาซื้อ ขายที่เป็นธรรมและโปร่งใส

•จัดหลักสูตรการเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาผู้จัดหา

•ดำเนินงานตามนโยบายสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน

•การพัฒนาศักยภาพของผู้จัดหา

•การสื่อสารจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ (Supplier Code of Conduct)

•การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของจริยธรรมและความโปร่งใส

องค์กรไม่

แสวงหากำไร

•รับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป็นประจำ

•สนับสนุุนการทำงานเป็นเครือข่ายตามความเหมาะสม

•นำเยี่ยมชมกิจการ

•เปิดช่องทางรับข้อร้องเรียน

•ผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจที่มีที่ต่อสังคม ชุุมชนและสิ่งแวดล้อม

•การดำเนินโครงการเพื่อสังคม

•การเปิดเผยข้อมููลต่อสาธารณะอย่างครบถ้วน

•โปร่งใส และรวดเร็ว

•สิทธิมนุษยชน และการปฏิบัติด้านแรงงาน

•คุณค่าทางสังคม

•การปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

•ประสานงานในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาร่วมกันรับฟังข้อเสนอแนะและนำมาใช้ในการกำหนดแนวทางดำเนินงาน

•สื่อสารและเปิดเผยข้อมููลการดำเนินงานอย่างครบถ้วน

•โปร่งใส และรวดเร็ว พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อนำมาปรับปรุุงแผนการดำเนินงาน

•การดำเนินงานด้านสิทธิมนุุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงาน

•การดำเนินงานเพื่อเพิ่มคุุณค่าทางสังคม

•การปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

เจ้าหนี้และธนาคาร

•จดหมายถึงเจ้าหนี้

•ทาง Mail / Social Media ต่างๆ

•เปิดช่องทางรับข้อร้องเรียน

•ชำระเงินครบถ้วนและตรงเวลา

•ข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้อง และโปร่งใส

•การกำกับดูแลกิจการ

•ให้ข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องครบถ้วน

•ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญา

•ปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด

•ชำระหนี้ตรงเวลา

•การกำกับดูแลกิจการ

•การต่อต้านคอร์รัปชัน

การร่วมเป็นสมาชิกในองค์กรระดับประเทศ

คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีนโยบายการทําธุรกิจอย่างยั่งยืนของทั้งบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ และคู่ค้าของบริษัทในเครือฯ ซึ่งหมายถึง การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน (sustainable supply chain management) และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

ทางบริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริหาร มีความประสงค์เข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ถือเป็นหนทางหนึ่งที่จะส่งเสริมให้บริษัททําธุรกิจอย่างยั่งยืนได้มากยิ่งขึ้น เพราะสมาชิกสมาคมฯ จําเป็นต้องปฏิบัติตามหลักสากล 10 ประการ ของ United Nations Global Compact อย่างเคร่งครัด ประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่ สิทธิมนุษยชน  การส่งเสริมสิทธิแรงงาน การรักษาสิ่งแวดล้อมและการต่อต้านการทุจริต ขณะเดียวกันการจัดทํารายงานผลการดําเนินงานตามหลักสากลทั้ง 10 ประการ ซึ่งเป็นข้อกําหนดสําคัญประการหนึ่งในการเป็นสมาชิก จะช่วยส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลในการทําธุรกิจอย่างยั่งยืนขององค์กร และผลที่คาดว่าจะได้รับเหล่านี้ นอกจากจะส่งผลดีต่อสังคมและประเทศโดยรวม สอดคล้องกับหลักปรัชญา 3 ประโยชน์และยุทธศาสตร์ความยั่งยืน 2030 ของเครือเจริญโภคภัณฑ์แล้ว ยังจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้า คู่ค้า นักลงทุนและพนักงาน ตลอดจนลดความเสี่ยงของทั้งกลุ่มธุรกิจและเครือฯ อีกด้วย

UN Global Compact Network Thailand

บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำ โดย                    ดร. สดุดี สุพรรณไพ รองกรรมการผู้จัดการ  สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาล และกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ร่วมแบ่งปันประสบการณ์จากการปฏิบัติจริงที่เป็นประโยชน์และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับสังคมได้ เพื่อให้เป็นแรงบันดาลใจและเป็นตัวอย่างที่ดีต่อองค์กรอื่น ๆ และสังคมวงกว้าง ในรายการ “We Shift…World Change” ตอน SDGs Talk SDGs เป้าหมายที่ 1ขจัดความยากจนทุกรูปแบบในทุกพื้นที่

HOME LIVING TOGETHER

          บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด  และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดการใช้ทรัพยากร ธรรมชาติให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดควบคู่ไปกับหลักการดำเนินธุรกิจขององค์กรภายใต้แนวคิด  “Green Culture” ปลูกฝังอยู่ในกิจกรรมของคนในองค์กรสื่อไปถึงตราสินค้าและผลิตภัณฑ์ขององค์กร เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ในการเป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจข้าวครบวงจร และเกษตรอุตสาหกรรม ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ พันธกิจ และนโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัยสิ่งแวดล้อม พลังงานและประสิทธิภาพ จึงกำหนดเป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 7 พลังงานที่สะอาดและสามารถซื้อหาได้

7.2 เพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนในการใช้พลังงานของโลก
7.3 เพิ่มอัตราการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังานของโลกให้เพิ่มขึ้น 2 เท่า

SDG 11
เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน

11.6 ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในเขตเมือง

SDG 12
การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ

12.2 การจัดการที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ

12.3 ลดขยะเศษอาหารของโลกลงครึ่งหนึ่ง

12.5 ลดการเกิดของเสียอย่างจริงจัง

SDG 13
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

13.3 การสร้างความตระหนักรู้และขีดความสามารถในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เป้าหมายสู่ปี 2573

การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงและทางอ้อม (Scope1 และ Scope2) สุทธิเป็นศูนย์

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อรายได้

1.05 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ต่อล้านบาท ลดลง ร้อยละ 14.14 เทียบกับปีฐาน 2563

พลังงานหมุนเวียน

15.12 % สัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน

มุมมองของเรา

ภายใต้ความท้าทายจากผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งบริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ  เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงในการสร้างแรงผลักดันและสนับสนุนให้ทุกบริษัท

บริษัทฯ ที่มีความมุ่งมั่นในการพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมาตรการในการติดตามอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมีส่วนร่วมในการลดผลการะทบต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง ยึดหลักปฏิบัติตามหลักสากลที่เกี่ยวข้อง บูรณาการเข้ากับหลักการดำเนินงานธุรกิจที่ให้ความสำคัญในเรื่องผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งมีการสนับสนุนกลไก ลดก๊าซเรือนกระจกของภาครัฐ และการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองฉลากคาร์บอน จากความมุ่งมั่นนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายลดการใช้พลาสติกสำหรับบรรจุภัณฑ์เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อรายได้

1.05 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ต่อล้านบาท ลดลง ร้อยละ 14.14 เทียบกับปีฐาน 2563

พลังงานหมุนเวียน

15.12 % สัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน

ข้อมูลเพื่อการจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ข้อมูลเพื่อการจัดการพลังงาน

กรอบการดำเนินงานด้านการจัดการ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

GUIDELINES FOR MANAGING

GREENHOUSE GAS EMISSIONS

การส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

  การส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ออกแบบการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานให้มีประสิทธิภาพ โดยได้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย การลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพที่มากขึ้น เพื่อลดการใช้พลังงานให้ได้มากที่สุด

Case Study

ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์

การดำเนินงาน

          บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด มุ่งมั่นในการอนุรักษ์พลังงานและให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมหมุนเวียน โดยบริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

  จึงทำการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) โรงงานทั้ง 5 แห่งทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะโรงงานข้าวนครหลวง ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่และใช้เครื่องจักรอุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงในการผลิต มีอาคารผลิตอาคาร 7 ชั้น ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้แรงโน้มถ่วงลำเลียงข้าว อีกทั้งส่วนของสำนักงานที่ดีไซด์เป็นรูปเมล็ดข้าว ด้านบนสุดของอาคารเป็น Green Roof ช่วยลดความร้อนที่แผ่เข้ามาอีกด้วย

 

 

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 11
เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน

11.6   ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในเขตเมือง

SDG 12
การบริโภคและการผลิตอย่างมี                    ความรับผิดชอบ

12.2   การจัดการที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ

12.3   ลดขยะเศษอาหารของโลกลงครึ่งหนึ่ง

12.5   ลดการเกิดของเสียอย่างจริงจัง

เป้าหมายสู่ปี 2573

ขยะอาหารและของเสียที่ถูกนำไปฝังกลบเป็นศูนย์ และบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ทั้งหมด สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ใช้ซ้ำ หรือย่อยสลายได้ 100%

ลดการสูญเสียในพื้นที่การเกษตร 50%

มุมมองของเรา

บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีความมุ่งมั่นดำเนินงานที่มุ่งเน้นด้านการจัดการทรัพยากรอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้มีส่วนใดถูกทิ้งอย่างสูญเปล่า ผลิตภัณฑ์และวัสดุจะถูกเก็บไว้ใช้ซ้ำ ผลิตซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่ ตราบเท่าที่ทรัพยากรเหล่านั้นถูกใช้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับของเสียที่เกิดขึ้น ไม่จัดการของเสียด้วยวิธีฝังกลบ และพัฒนาแนวทางการออกแบบภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายให้ทุกบริษัทในกลุ่มธุรกิจ (1) ลดปริบรรจุมาณขยะอาหารเป็นศูนย์ (Zero Food Waste) (2) ไม่มีการกำจัดของเสียทั่วไปด้วย วิธีฝังกลบ (Zero Waste to Landfill) และ (3) บรรจุภัณฑ์พลาสติกทีใช้ทั้งหมดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ใช้ซ้ำ หรือย่อยสลายได้

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

ประกาศใช้นโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน นโยบายการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร นโยบายบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน และ นโยบายการจัดการของเสีย

ปรับเปลี่ยนการรายงานข้อมูลของเสียตาม GRI 306: WASTE (2020)

จัดทำข้อมูลฐานเรื่องความสูญเสียในห่วงโซ่อุปทานของการผลิต (Food Loss)

ข้อมูลเพื่อการจัดการของเสีย

ปริมาณของเสียต่อรายได้

ข้อมูลด้านการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ยั่งยืน

การบริหารจัดการของเสีย

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ ให้ความสำคัญในด้านการบริหารจัดการของเสียตลอดทั้งห่วงชคุณค่า โดยในปี 2564 ได้มีการประกาศใข้นโยบาย การจัดการของเสีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ถือปฏิบัติ เพื่อให้ทุกบริษัทดำเนินการตามแนวทางในการบรรลุเป้าหมายขยะอาหารและของเสียที่ถูกนำไปฝังกลบเป็นศูนย์ภายในปี 2573

  ทั้งนี้เครือฯ จึงได้กำหนดแนวทาง การบริหารจัดการของเสียไว้ดังนี้

การบริหารจัดการการสูญเสียอาหาร และขยะอาหาร

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการมีการคำนึงถึงการบริหารจัดการการสูญเสียอาหาร ตลอดทั้งห่วงโช่อุปทาน ตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูกไปจนถึงการบริโภคของ ลูกค้า ธุรกิจฯ มุ่งมั่นที่จะดำเนินงานตามนโยบายเพื่อลดการสูญเสียอาหาร และบรรลุเป้าหมายขยะอาหารและของเสียที่ถูกนำไปฝังกลบเป็น ศูนย์ภายในปี 2573

โครงการพัฒนาระบบเกษตรฟื้นฟูระบบนิเวศ

  ธุรกิจพืชครบวงจร ข้าว ขนส่งและบริการ จับมือกับทีม Unilever และ ม.เกษตรฯ ขับเคลื่อน

       📍โครงการพัฒนาระบบเกษตรฟื้นฟูระบบนิเวศ

ดร.สดุดี สุพรรณไพ รองกรรมการผู้จัดการสำนักบริหารความยั่งยืนฯ ธุรกิจพืชครบวงจร ข้าว ขนส่งและบริการ พร้อมด้วยคุณสุดา วิมลทรัพย์สิน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย บริษัท ซี.พี. ฟู้ดสโตร์ จำกัด ให้การต้อนรับ คุณ Caroline Guillaume, Camille Raivavae Marketing – Regional และคณะของบริษัท Unileverลงพื้นที่ศึกษาดูงานพื้นที่ความร่วมมือโครงการพัฒนาระบบเกษตรฟื้นฟูระบบนิเวศ (Regenerative Agriculture) เพื่อความร่วมมือในกาลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างมูลค่าเพิ่มในอุปทานการเกษตร โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างธุรกิจพืชครบวงจร ข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์กับคู่ค้า Unilever ผ่านกองทุน Livelihood Fund ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมพัฒนาโครงการ ในพื้นที่ปลูกข้าวจังหวัดบุรีรัมย์และศรีสะเกษ ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 6 ราย พื้นที่เพาะปลูกรวม 55 ไร่ และในปี 2567 ตั้งเป้าที่จะขยายเกษตรกรในโครงการฯ จำนวน 500 ราย และมีพื้นที่เพาะปลูกรวม 5,000 ไร่

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 6
น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล

6.3   ปรับปรุงคุณภาพน้ำ การบำบัดน้ำเสียและการใช้ซ้ำที่ปลอดภัย

6.4   เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและสร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดหาน้ำ

6.5   ดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบองค์รวม

6.B   สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนาการจัดการน้ำและสุขอนามัย

SDG 12
การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ

12.2  การจัดการที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ

SDG 14
สิ่งมีชีวิตในท้องทะเล

14.1 การลดมลพิษทางทะเล

มุมมองของเรา

ประชาชนครึ่งหนึ่งของโลก จะประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำ หากยังคงมีการใช้น้ำที่ฟุ่มเฟื่อย ยิ่งไปกว่านั้นสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ระบุว่าประเด็นด้านทรัพยากรน้ำเป็นประเด็นทางสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดประเด็นหนึ่งในปี 2560 การรักษาความมั่นคงของทรัพยากรธรรมชาติ (Natural Resource Security) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำสะอาด เป็นประเด็นที่ภาคเอกชนจำเป็นต้องให้ความสำคัญ บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ให้ความสำคัญและใส่ใจกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 6 ตระหนักดีถึงความท้าทายและความสำคัญในการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยมุ่งมั่นบริหารจัดการทรัพยากรน้ำครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้อง พัฒนากระบวนการ เทคโนโลยี นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อผลักดันให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

เป้าหมายสู่ปี 2573

ลดปริมาณการนำน้ำมาใช้ต่อหน่วยรายได้  เทียบกับปีฐาน 2563 

10%

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

ลดปริมาณการนำน้ำมาใช้ต่อรายได้

ลดลง ร้อยละ 20.24 จากเป้าหมายลดลงร้อยละ 10 เทียบกับปีฐาน 2563

ประเมินความเสี่ยงด้านน้ำ

86% ของพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเรื่องน้ำสูง

ข้อมูลเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำ

การดูแลรักษาทรัพยากรน้ำ

แนวทางการบริหารจัดการ

  ธุรกิจข้าว ขนส่ง และบริการดำเนินงานด้านการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำภายใต้ UN Global Compact และนโยบายการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำภายใต้นโยบายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมถึงตามกรอบการดำเนินงาน ด้านการดูแลทรัพยากรน้ำ เพื่อเป็นแนวทางให้บรรลุตามเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ ครอบคลุมการประเมินความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งวางแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านน้ำทั้งขององค์กรและ    คู่ค้ารายสำคัญการส่งเสริมการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

การดำเนินงานด้านการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

กรอบการดําเนินงานในการประเมินความเสี่ยงด้านนํ้า

การดำเนินงานด้านการบริหารการจัดการน้ำของคู่ค้า เพื่อการวางแผนบริหารจัดการน้ำตลอดห่วงโซ่อุปทาน

แนวทางการบริหารจัดการ

  บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ มีความมุ่งมั่นในการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และให้ความสำคัญในเรื่องของการบริหรจัดการด้านน้ำตลอดห่วงโซ่อุปทานบริษัทฯ จึงได้พัฒนาแนวทางการบริหารจัดการด้านน้ำของคู่ค้าซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญต่อธุรกิจ เพื่อส่งเสริมให้คู่ค้ามีการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ ร่วมกันรณรงค์และอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้คงอยู่ตลอดไป

CASE STUDY

เพิ่มความหลากหลายให้กับระบบนิเวศทางน้ำของแม่น้ำป่าสัก

           ผู้บริหารและพนักงานจาก โรงงานข้าวนครหลวง โรงงานข้าววังแดง โรงสีข้าวสุพรรณบุรี ท่าเรืออยุธยาและไอซีดี โรงงานปรับสภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด งานวิจัยเมล็ดพันธุ์ งานผลิตเมล็ดพันธุ์หลัก งานผลิตปุ๋ยอินทรีย์และเคมี ซึ่งดำเนินธุรกิจอยู่กับลำน้ำป่าสัก มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบและปกป้อง ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศทางน้ำของลุ่มแม่น้ำป่าสักให้มีความอุดมสมบูรณ์

ฉัตรเกษตรน่ารู้ : โชว์ไอเดีย วัดระดับน้ำในนาข้าวสมัยใหม่!!!

         “ระดับน้ำ” ในนาข้าวนั้นมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของข้าว รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมวัชพืช โดยการให้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องพิจารณาถึงความต้องการน้ำของข้าวในแต่ละช่วงการเจริญเติบโตที่แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือระยะกล้า ระยะแตกกอ ระยะตั้งท้องออกดอก ระยะน้ำนมและข้าวสุก

          “ระดับน้ำ” ในนาข้าวนั้นมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของข้าว รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมวัชพืช โดยการให้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องพิจารณาถึงความต้องการน้ำของข้าวในแต่ละช่วงการเจริญเติบโตที่แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือระยะกล้า ระยะ     แตกกอ ระยะตั้งท้องออกดอก ระยะน้ำนมและข้าวสุก

          ดังนั้น ชาวนาต้องคอยวัดระดับในแปลงให้เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งภูมิปัญญาที่ใช่กันมาตั้งแต่อดีตนั้นคือ “ท่อดูน้ำ” ทำได้ง่ายๆ โดยการใช้ ท่อพีวีซีขนาดความยาว 30 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 นิ้ว เจาะรู 4 – 5 แถวรอบ ๆ ท่อ แต่ละรูห่างกัน 5 ซม. จากนั้นฝังลงดินลึก 30-40 ซม. ให้ปากท่อโผล่ขึ้นพ้นผิวดิน 5 ซม. สุดท้ายคือควักดินในท่อออกมา (หรือถ้าขุดดินก่อนฝังท่อก็ไม่ต้องนำดินออกแล้ว) เพื่อให้น้ำในแปลงนาไหลเข้ามาในรูที่เจาะ

         โดยปกติแล้วชาวนา จะต้องมาดูระดับน้ำในท่อนี้เรื่อยๆ เพื่อรักษาระดับน้ำให้เหมาะสม (ดังนั้น จึงควรปรับพื้นนาให้เสมอกันทั่วทั้งแปลง เพื่อความแม่นยำของระดับน้ำ) หากมีเวลาอย่างเพียงพอก็ไม่น่ามีปัญหา แต่หากเป็นคนที่มีเวลาไม่มาก มีที่นาหลายๆ แปลง และแต่ละแปลงอยู่ห่างกันนั้น คงใช้เวลาอยู่เหมือนกัน

          “น้องอิท-อิทธิพล จันทร์นุ่ม” เป็นหนึ่งในเกษตรกร เจนเนอเรชั่นลูก-หลาน ซึ่งรับช่วงต่อจากบรรพบุรุษ ที่มีอาชีพประจำ จึงไม่ค่อยมีเวลามากนัก ให้มาดูน้ำที่นาทุกวันคงทำไม่ไหว ทำให้ต้องคิดแก้ปัญหาโดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยลองไปดูกันว่า เจ้าเทคโนโลยีที่ว่านั้นคืออะไร?!

 

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 6
น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล

6.6 ปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำ

SDG 14
สิ่งมีชีวิตในท้องทะเล

14.2 การปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศ

14.4 การประมงอย่างยั่งยืน

14.5 การอนุรักษ์ชายฝั่งและพื้นที่ทางทะเล

SDG 15

สิ่งมีชีวิตบนผืนดิน

15.1 การอนุรักษ์ และฟื้นฟูการใช้ระบบนิเวศบนบกและในน้ำจืด

15.2 หยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า และฟื้นฟูป่าที่เสื่อมโทรม

15.4 สร้างหลักประกันว่าจะมีการอนุรักษ์ระบบนิเวศภูเขา

15.5 ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและถิ่นที่อยุ่ตามธรรมชาติ

มุมมองของเรา

บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัทในธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบและปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ และระบบนิเวศใหม่ความสมบูรณ์ ผ่านการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมในการดูแลและลดผลกระทบเหล่านี้ บริษัทฯ ยังได้ประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพของโลกอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลอย่างรับผิดชอบ ปกป้อง ฟื้นฟู และสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศบนบก ป่าม้ และความหลากหลายทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน

เป้าหมายสู่ปี 2573

จำนวนพื้นที่ที่ได้ดำเนินการปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศทางบก 800,000 ไร่

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

100%

ของการปลูกข้าวสามารถทวนสอบย้อนกลับได้

ปกป้อง ฟื้นฟู และสนับสนุน

กระบวนการส่งเสริมการปลูกข้าวแบบ Sustainability Culture 112,350 ไร่

ประกาศนโยบาย

สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ ตามแนวทางของเครือฯ

การบริหารจัดการปกป้องระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ

แนวทางการบริหารจัดการ

  ธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพมาโดยตลอดโดยยึดมั่นดำเนินการตามหลักการดังกล่าวตั้งแต่การเลือกสถานที่ตั้งสถานประกอบการที่ไม่อยู่ในแหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ มาตรฐาน และกฎกระทรวงที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ประเมินผลกระทบและกำหนดมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบทางการเกษตรที่มาจากแหล่งที่รับผิดชอบและไม่บุกรุกพื้นที่ป่าและทรัพยากรทางทะเล มีส่วนร่วมผลักดันการปกป้อง ฟื้นฟูระบบนิเวศบนบกและทะเลเพื่อ ความสมดุล ของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน

กรอบการดำเนินงานด้านการปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

การจัดหาวัตถุและการตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

  ผู้บริโภคในปัจจุบันมีความสนใจและใส่ใจกับข้อมูลผลิตภัณฑ์อาหารมากขึ้นเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมาทั้งในแง่ของคุณภาพและความปลอดภัยข้อมูล บนฉลากที่บ่งชี้ส่วนผสม และวันหมดอายุอาจจะไม่เพียงพอสำหรับผู้บริโภคอีกต่อไปแล้ว เมื่อผู้บริโภคยังต้องการทราบถึงแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์คุณภาพในกระบวนการผลิต ความปลอดภัย ไม่มีการปนเปื้อน และข้อมูลอื่นๆ ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการเลือกซื้ออาหาร

  ระบบทวนสอบย้อนกลับจึงเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นในการให้ข้อมูลเส้นทางของอาหารนั้นๆ ตั้งแต่วัตถุดิบ ผ่านกระบวนการผลิตจนมาถึงมือผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังช่วยผู้ผลิตลดความสูญเสียในการเรียกคืนสินค้า สามารถเรียกคืนได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็วในปริมาณที่ควรจะเป็น บริษัทมีการพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานด้วยระบบตรวจสอบที่แม่นยำ รวดเร็ว และ โปร่งใส สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นกลไกในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่สำคัญ โดยเฉพาะการ ป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ และคู่ค้าธุรกิจยังคงปฏิบัติตามระบบการตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างต่อ เนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าวัตถุดิบมาจากแหล่งที่มีการจัดหาอย่างยั่งยืน

การประเมินต้นทุนทางธรรมชาติ เพื่อรักษาระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

จากการที่บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด ได้ร่วมมือกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นสมาชิก World Business Council for Sustainable Development (WBCSD) กลุ่มธุรกิจได้นำ Natural Capital Protocol หรือกรอบการประเมินต้นทุนทางธรรมชาติที่ WBCSD ได้พัฒนาร่วมกับองค์กรระดับโลก ได้แก่ Conservation International, The B Team, PwC และ Sustain Value มาเป็นแนวทางในการประเมิน ต้นทุนทางธรรมชาติขององค์กร เพื่อศึกษาศักยภาพและความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ประเมิน เป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ และนำผลลัพธ์ที่ได้ไปหาแนวทางการอยู่ร่วมกัน ระหว่างการใช้ประโยชน์และการรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติ

เครือฯ ได้คัดเลือกโรงงานข้าวนครหลวง ของบริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด มาเป็นโครงการศึกษานำร่องในการประเมินต้นทุนทางธรรมชาติ เนื่องจากโรงงานตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำป่าสัก อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และใช้ระบบการขนส่งสินค้าทางน้ำเพื่อความสะดวกรวดเร็วผ่านทางท่าเรืออยุธยาและไอซีดี ทำให้โรงงานข้าวนครหลวงมีการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติซึ่งก่อให้เกิดทั้งผลกระทบและการพึ่งพากัน จึงเล็งเห็นความสำคัญในการประเมินมูลค่าของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อเป็นต้นทุนทางธรรมชาติของโรงงานข้าวนครหลวง

กรอบแนวทางการประเมิน

CSR Term Break ปิดเทอมใหญ่หัวใจนักอนุรักษ์

          CSR SPIRIT จิตอาสานำครอบครัวพนักงาน ธุรกิจพืชครบวงจร ข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์จัดกิจกรรม CSR Term Break ปิดเทอมใหญ่หัวใจนักอนุรักษ์ จำนวน 2 ครั้ง เพื่อปลูกจิตสำนึกการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

อุทยานแห่งชาติหาดวนกร จ.ประจวบคีรีขันธ์

          เพื่อให้พนักงานและครอบครัวได้ร่วมกิจกรรม CSR SPIRIT จิตอาสาแบ่งปันช่วยเหลือสังคมร่วมกับองค์กรสร้างความรักความผูกพัน สื่อสารภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรสู่สังคมภายนอกกรมอุทยานสัตวป่าและพันธุ์พืชบรรยายถึงความหลากหลายทางชีวภาพทางบกและทะเลให้ทีมงานได้ทำโปสการ์ดใบไม้เล่าถึงความประทับใจ ดำน้ำสำรวจความสมบูรณ์ของปะการัง บริเวณเกาะจานและเกาะท้ายทรีย์ ซึ่งมีความสวยงามและมีความสำคัญเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำทางทะเลของอ่าวไทย

สนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน

SDG 4
คุณภาพการศึกษา

4.4 เพิ่มจำนวนประชาชนที่มีทักษะที่จำเป็น และการเป็นผู้ประกอบการ

SDG 8
งานที่เหมาะสม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ

8.3 ส่งเสริมนโยบายที่มุ่งเน้นการสร้างงานและความเป็นผู้ประกอบการ

SDG 9

อุตสาหกรรม นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน

9.4   ปรับปรุงอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและการใช้เทคโนโลยี

มุมมองของเรา

เราตระหนักดีว่า ความแข็งแกร่งของห่วงโซ่ขึ้นอยู่กับโซ่ข้อมีแข็งแกร่งน้อยที่สุด ด้วยเหตุนี้บริษัทฯ จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับคู่ค้าธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทานเพื่อมุ่งสู่การปฏิบัติที่เป็นเลิศ ครบทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

บริษัทฯ ถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ๋ในการขับเคลื่อนเพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ข้อจำกัดดังกล่าวมิได้ทำให้บริษัทฯ ยุติหรือย่อท้อ แต่ในทางกลับกัน บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นอย่างตั้งใจจริง เพื่อพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าให้ดียิ่งขึ้น เราจะร่วมกันคิด ร่วมกันสร้าง เพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนไปพร้อมๆกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อพัฒนาประเทศที่บริษัทฯ ได้มีการดำเนินธุรกิจหรือเข้าไปลงทุน ตามหลักค่านิยม 3 ประโยชน์

เป้าหมายสู่ปี 2573

กลุ่มธุรกิจที่มีกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับของวัตถุดิบที่มีความเสี่ยงสูง รวมทั้งมีการตรวจประเมินด้านความยั่งยืนกับคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูง 100%

การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ

แนวทางการบริหารจัดการ

  ธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้ความสำคัญกับการบริหาร ห่วงโซ่อุปทานโดยการกำหนดขั้นตอนการบริหาร เพื่อเป็นแนวทางสำหรับทุกบริษัทในกลุ่มธุรกิจฯ ให้มีการบริหารห่วงโซ่อุปทาน ไปในทิศทางเดียวกัน โดยในการบริหารห่วงโซ่ อุปทานนั้น กลุ่มธุรกิจฯ เริ่มต้นจากการสื่อสารคู่มือ จรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า ไปยังคู่ค้าธุรกิจทุกราย เพื่อให้คู่ค้าธุรกิจได้รับทราบนโยบายและความ คาดหวังของกลุ่มธุรกิจฯ และสามารถทำงานร่วมกัน ได้อย่างต่อเนื่อง

การสร้างความตระหนักและความเสี่ยง

ธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีการดำเนินงานธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้าเป็นจำนวนมาก ทางกลุ่มธุรกิจได้รับนโยบายจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ และมีความมุ่งมั่นในการสร้างความตระหนักเรื่องการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ กับคู่ค้าธุรกิจหลัก (Critical Supplier) เป็นอันดับแรก โดยหลักการที่ใช้ในการแบ่งประเภทคู่ค้าหลักมีดังนี้

1.คู่ค้าที่เป็นผู้ส่งมอบวัตถุดิบหลักที่เป็นส่วนประกอบสำคัญ

2.คู่ค้าที่เป็นผู้ส่งมอบวัตถุดิบหลักที่หาทดแทนไม่ได้

3.คู่ค้าที่มีมูลค่าการซื้อ-ขายสูง

นอกจากนี้ได้บ่งชี้เพื่อค้นหาคู่ค้าธุุรกิจที่มีความเสี่ยงด้วยการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุุปทานผ่านเกณฑ์ประเมิน 2 มิติ คือระดับความรุนแรงของผลกระทบ และโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงซึ่งประเด็นความเสี่ยงที่ใช้ในการประเมินนำมาจากช่องทาง ที่เชื่อถือได้ดัังนี้  1) ข่าวสาร 2) ผลการดำเนินงานในอดีต 3) ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับอุุตสาหกรรม และ 4) แนวโน้ม ความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดในอนาคต ทั้งนี้้การประเมินความเสี่ยงครอบคลุมถึงกลุ่มวัตถุดิบ กลุ่มบรรจุภัณฑ์ และกลุ่มผู้ให้บริการที่ไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะคู่ค้าธุุรกิจลำดับที่

การพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าธุรกิจ

  ธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ มุ่งมั่นสร้างเสริมศักยภาพคู่ค้า ในมิติต่างๆ ที่จำเป็นทั้งการผลิตอย่างปลอดภัยและมีความยั่งยืน จึงนำระบบการจัดการมาประยุุกต์ใช้ เพื่อให้มีการวางแผนการดำเนินงานและการปรับปรุุงอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสร้างเครือข่่ายการเรียนรู้  ประยุุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และส่งเสริมด้าน การตลาดเพื่อเพิ่มคุณค่าและส่งเสริมศักยภาพให้คู่ค้า และดำเนินธุุรกิจอย่างยั่งยืน

การตรวจประเมินคู่ค้าสำคัญ

  ธุรกิจข้าว ขนส่งและบริการ  มีจัดตั้งคณะกรรมการตรวจประเมินการปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อแสดงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ เป็นมาตรฐาน และแนวทางการปฏิบัติการ จัดทำทะเบียนคู่ค้าธุรกิจหลัก ( Critical 1Tier Supplier ) รวมทั้งได้กำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการประเมินคู่ค้าธุรกิจ และ มาตรฐานการปฏิบัติการ หลังจากการจัดลำดับคะแนนการประเมินแล้ว ทั้งการจัดทำแบบประเมินตนเอง ( Self assessment ) และการตรวจประเมินของคณะผู้ตรวจประเมิน ดังนี้

เกณฑ์การตรวจประเมินจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ

ภาพการตรวจประเมินจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ

ผลตรวจประเมินจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ

 

รางวัล The Best Supplier Award 2022

  คุณริญญภัสร์  ภัทรศักดิ์วัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการธุรกิจข้าว ในนามข้าวตราฉัตร (บริษัท ซี.พี.ฟู้ดสโตส์ จำกัด) รับรางวัลคู่ค้าที่ผ่านเกณฑ์คุณภาพสินค้า บริการที่ดี มาตรฐานราคา และการจัดส่งที่มีคุณภาพ จาก บริษัท เซ็น ซัพพลายเซน จำกัด ตอกย้ำจุดยืนผู้ผลิตสินค้าข้าวที่มีคุณภาพร่วมเป็นคู่ค้าที่เคียงคู่การเติบโตอย่างยั่งยืน